สช. 11 มี.ค.-ตัวแทนพรรคการเมืองต่างนำเสนอนโยบายการออม และสร้างงานให้ผู้สูงอายุ ขยายเวลาเกษียณอายุ เพื่อรับมือกับสังคมสูงวัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 มี.ค.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์หาวิทยาลัย และสำนักงานประสานนโยบายรองรับสังคมสูงวัย (สป.สว.) เปิดเวทีนำเสนอนโยบายพรรคการเมือง “รัฐบาลใหม่กับการรับมือสังคมสูงวัย ภาระที่คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญ” โดยยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ , นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ , น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย , นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ในฐานะผู้ดูแลนโยบายรัฐสวัสดิการ พรรคอนาคตใหม่ ร่วมแสดงนโยบาย
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า พรรคให้ความสำคัญกับนโยบายเพื่อสังคมสูงวัย หากมองไป จะเห็นว่ามีหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคเดียวที่มาในวันนี้ ความท้าทายขณะนี้คือเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย และมีปัญหาความเหลื่อมล้ำ ดังนั้นผู้นำรัฐบาลต้องมีความเข้าใจและรับผิดชอบ โดยต้องมียุทธศาสตร์การทำงานที่ชัดเจน เพราะเรื่องนี้มีกระทรวงที่เข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก ทั้งกระทรวงแรงงาน สาธารณสุข กระทรวงการคลัง ซึ่งพรรคมองปัญหาเหล่านี้มาเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งกองทุนการออม เบี้ยยังชีพ
“ผมเป็นนายกรัฐมนตรีอาจจะคนเดียวที่เป็นประธานคณะกรรมการผู้สูงอายุ เราไม่ต้องมองว่าผู้สูงอายุเป็นภาระ แต่สามารถมีส่วนร่วมและเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพ ดังนั้นจะต้องมีนโยบายดูแลสุขภาพเชิงรุก สร้างโอกาสให้มีงานทำ มีสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อผู้สูงอายุ โดยมีตัวช่วยสำคัญ คือ เทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ควรกระจายอำนาจสู่ชุมชนและท้องถิ่นให้มากที่สุด และต้องมีวิสาหกิจเพื่อสังคม การขยายอายุเกษียณเป็นทิศทางที่ถูกต้อง แต่ต้องทำให้ชัดเจนว่างานที่ทำเหมาะสมอย่างไร เราสามารถจูงใจให้ภาคเอกชนสามารถจ้างงานให้มากขึ้น ลดหย่อนภาษีให้เอกชน แต่สิ่งสำคัญคือต้องมีทักษะ ซึ่งพรรคจะมีนโยบายให้คูปอง 1 ล้านใบเพื่อเสริมสร้างทักษะ และเราต้องพูดความจริง เราต้องจูงใจให้คนเข้าสู่ระบบประกันสังคม ส่งเสริมการออม โดยยกระดับกองทุนการออมที่สามารถให้มีเงินเพียงพอในวัยเกษียณ เกษียณเงินล้าน สนับสนุนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ไม่จำเป็นต้องลดภาษีให้คนมีรายได้สูง แต่ใช้กลไกภาษีเป็นการบังคับออม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยทราบถึงปัญหาสังคมผู้สูงอายุอยู่แล้ว แต่มีปัญหาว่าจะทำหรือไม่ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะทำ 7 เรื่อง ทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุยังทำงานได้ , ต้องทำให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ได้ , ต้องมีเทคโนโลยีให้ผู้สูงอายุ , ใส่ใจกับการช่วยเหลือผู้สูงอายุ , ปรับทักษะให้คนสูงอายุ , ให้ความสำคัญกับสังคมเอื้ออาทร และเตรียมการเรื่องการออม
“เราจะขับเคลื่อนเรื่องการเกษียณอายุ จาก 60 ปีเป็น 63 ปี ทำอุตสาหกรรมผู้สูงอายุก่อน ทำวิสาหกิจเพื่อสังคมผู้สูงอายุ ตั้งใจจะสร้างงานให้ผู้สูงอายุ 1 ล้านตำแหน่ง ปรับเบี้ยยังชีพให้เป็นคนละ1 พันบาท ผู้ป่วยติดเตียงคนละ 1 พันบาท และทำสิทธิอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กรมธรรม์ประกันชีวิต เรื่องการทำสินทรัพย์ให้เป็นทุน” นายกอบศักดิ์ กล่าว
น.ส.ธิดารัตน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินการเพื่อให้ผู้สูงอายุ “รวยก่อนแก่” โดยพัฒนาคุณภาพการทำงานและส่งเสริมการทำงานให้ผู้สูงอายุ “เปลี่ยนภาระเป็นพลัง” ให้ผู้สูงอายุเข้าสู่ระบบการทำงานในสังคมอีกครั้งเหมือนญี่ปุ่นที่ให้ผู้สูงอายุมาเป็นไกด์ คุณภาพชีวิตเพิ่มเบี้ยยังชีพ
“การให้ก็ให้ได้ แต่ปัญหาคือจะเอาเงินมาจากไหน เราจะสร้างเถ้าแก่ใหม่ มีการลดภาษีสำหรับคนที่ทำเอสเอ็มอีของตัวเอง มีกองทุนคนเปลี่ยนงาน การใช้ทรัพยากรมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มอายุการเกษียณ เปลี่ยนภาระเป็นพลัง สร้างเศรษฐกิจใหม่ เพื่อใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และกองทุนการออม โดยจะดูไม่ให้ซ้ำซ้อน” น.ส.ธิดารัตน์ กล่าว
นพ.เอกภพ กล่าวว่า สิ่งที่จะแก้ปัญหาสังคมสูงวัย คือ จะต้องทำเศรษฐกิจให้ดี โดยพรรคนำเสนอเศรษฐกิจดิจิทัล และต้องมีรัฐสวัสดิการอย่างเท่าเทียมกัน ผู้สูงอายุจะต้องได้รับการดูแลเป็นบำนาญ ทำให้แรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบการออมได้ จะทำให้คนเหล่านี้มีบำนาญได้ และสิ่งสำคัญคือการศึกษา ที่จะต้องสนับสนุนให้เกิดแรงงานที่มีคุณภาพในอนาคต.-สำนักข่าวไทย