กรุงเทพฯ 29 ส.ค. – นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) เปิดเผยผลสำรวจปัญหาของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ปี 2559 จำนวน 4,883 ราย พบว่า มี 8 ปัญหาที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะ 3 ปัญหา คือ ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้านการผลิต และด้านการตลาด โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอุปสรรคและผลกระทบมากที่สุด คือ อุสาหกรรมเซรามิคและแก้ว รองลงมาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากไม้และเครื่องเรือน ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ หากเอสเอ็มอี ยังปรับตัวไม่ได้หรือไม่ได้รับการพัฒนาจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการจ้างงานและการส่งออก รวมถึงมูลค่าเพิ่มที่จะเกิดขึ้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
ส่วน 3 สาขาอุตสาหกรรมที่มีปัญหาน้อย แต่ กสอ.เห็นว่าจำเป็นต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่องในสภาวะที่มีการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมยางพาราและผลิตภัณฑ์จากยาง อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก และอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กสอ.กำหนดแผนการดำเนินงานปี 2559-2560 ด้วยกลยุทธ์ 3S ได้แก่ Start Strong และ Sustain โดยมีงบประมาณดำเนินการรวม 850 ล้านบาท ตั้งเป้าพัฒนาผู้ประกอบการกว่า 2,700 กิจการ และ 13,000 ราย
สำหรับ Start จะมุ่งพัฒนาผู้ประกอบการใหม่และกลุ่ม Start-Ups เพิ่มความแข็งแกร่งแก่วิสาหกิจขนาดเล็กในช่วงก่อตั้งกิจการพร้อมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้มีการสร้างธุรกิจใหม่ให้มีความเข้มแข็งสามารถแข่งขันได้ในระบบเศรษฐกิจสากล โดยได้รับงบประมาณดำเนินการ 207 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายผลักดันให้เกิดผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ไม่น้อยกว่า 5,200 รายในปี 2560 ส่วน Strong การสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการรายเดิม เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบ ทั้งการปรับแผนธุรกิจและการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเน้นภาคการผลิตและภาคบริการได้รับงบประมาณดำเนินการ 513 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายผลักดันให้เห็นผลสัมฤทธิ์ไม่น้อยกว่า 7,200 รายในปี 2560 และ Sustain คือ การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีการบูรณาการการผลิตโดยนำระบบการจัดการที่ดีมาใช้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนา เน้นการสร้างผลประโยชน์จากทรัพยากรและพลังงานให้มากที่สุด แต่ยังคงระดับทรัพยากรและก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมน้อยที่สุด นอกจากนี้ ยังต้องส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อสังคม เช่น การส่งเสริมเครือข่ายและการรวมกลุ่มอุตสาหกรรมในรูปแบบคลัสเตอร์ การพัฒนาการผลิตและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาปัจจัยที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ เป็นต้น ได้รับงบประมาณดำเนินการ 130 ล้านบาท เชื่อว่าการพัฒนาและการบูรณาการในกลยุทธ์นี้จะสามารถส่งเสริมผู้ประกอบการได้มากกว่า 600 ราย
สำหรับ 8 ปัญหาที่พบบ่อยในผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เรียงตามลำดับ ดังนี้ ปัญหาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ปัญหาด้านการผลิต ปัญหาด้านการตลาด ปัญหาการอยู่ร่วมกับสังคม ปัญหาด้านการเงิน ปัญหาด้านบุคลากร ปัญหาด้านการจัดซื้อและปัจจัยการผลิตและปัญหาด้านการบริหารองค์กรและกลยุทธ์.-สำนักข่าวไทย