พนมเปญ 7 มี.ค. – เอ็กซิมแบงก์เปิดสำนักงานผู้แทนแห่งที่ 3 ในพนมเปญ พร้อมเปิดตัวบริการสินเชื่อผู้ซื้อในกัมพูชา ช่วยผลักดันการส่งออกไทยไปกลุ่มประเทศ CLMV
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนางเนียว จันทานา รองผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติกัมพูชา ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดสำนักงานผู้แทนธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ในกรุงพนมเปญ กัมพูชา
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า การเปิดสำนักงานผู้แทนเอ็กซิมแบงก์ในกรุงพนมเปญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีมีโอกาสทางธุรกิจมากในกัมพูชา โดยมีเอ็กซิมแบงก์ให้ข้อมูลและคำปรึกษาด้านการค้าการลงทุนและการเงินแก่ผู้ประกอบการไทย เป็นกลไกสำคัญภาคการเงินการธนาคารสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทยควบคู่กับการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมใน CLMV เอ็กซิมแบงก์มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทยใน CLMV ได้แก่ ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 64,000 ล้านบาท ตั้งแต่เปิดดำเนินการและกำลังก้าวสู่ปีที่ 26 และด้วยความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน การค้าไทย-กัมพูชาเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 15 ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2561 มีมูลค่าสูงถึง 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้นร้อยละ 36.6 จากปีก่อน และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มเกือบเท่าตัวถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ขณะที่การลงทุนในกัมพูชาช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับ 4 ในกัมพูชา
สำหรับการเปิดสำนักงานผู้แทนของ EXIM BANK ในกรุงพนมเปญเป็นผลจากการสนับสนุนของรัฐบาลกัมพูชาผ่านธนาคารแห่งชาติกัมพูชา และกระทรวงการคลังของกัมพูชา เพื่อให้เอ็กซิมแบงก์มีบทบาทเพิ่มขึ้นในระดับภูมิภาค ในฐานะหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทยที่จะทำงานร่วมกันกับภาครัฐและเอกชนในกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรที่สำคัญของไทยมายาวนาน และจากการที่ประเทศไทย ประกาศแนวคิดหลักสำหรับการเป็นประธานอาเซียนของไทยปีนี้ ได้แก่ ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน เล็งเห็นถึงความสำคัญของการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน มุ่งสร้างสังคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางและก้าวสู่อนาคตไปด้วยกัน โดยไทยจะเสริมสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกันมากขึ้นกับสมาชิกอาเซียน รวมทั้งกัมพูชานำไปสู่ความเชื่อมโยงกันมากขึ้นด้านโครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบที่เป็นหนึ่งเดียวกัน และความเชื่อมโยงระดับประชาชน เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนกันของอาเซียนโดยแท้จริง
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่า การเปิดสำนักงานผู้แทนเอ็กซิมแบงก์ในกรุงพนมเปญอย่างเป็นทางการนับเป็นแห่งที่ 3 ต่อเนื่องจากการเปิดสำนักงานผู้แทนในเมืองย่างกุ้ง เมียนมา และเวียงจันทน์ สปป.ลาว เมื่อปี 2560 และ 2561 ตามลำดับ ที่ผ่านมาสนับสนุนการลงทุนไทยในกัมพูชามากกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม และการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ ทั้งนี้ ธุรกิจแฟรนไชส์ของไทยเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวในกัมพูชา อาทิ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เบเกอรี่ และสปา เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ในกัมพูชา กลุ่มประชากรในกรุงพนมเปญที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น ชาวต่างชาติที่ทำงานในกัมพูชา และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการบริการในแบบที่คุ้นเคยและได้มาตรฐาน
สำหรับการเปิดสำนักงานผู้แทนนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์เชื่อมไทย เชื่อมโลก ด้วยการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเอ็กซิมแบงก์จะทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนภายใต้ทีมประเทศไทย สร้างโอกาสเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อการวางแผนและดำเนินธุรกิจในประเทศเป้าหมายที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในตลาดใหม่ รวมถึง CLMV ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงเอสเอ็มอีลักษณะห่วงโซ่มูลค่ากับธุรกิจขนาดใหญ่
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า กัมพูชามีจุดเด่นด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยร้อยละ 6.5 ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า รัฐบาลกัมพูชามีนโยบายเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวและการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ปี 2566 ความเป็นเมืองที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการเปิดกว้างรับการลงทุนต่างชาติ ทั้งด้านกฎระเบียบและระบบการเงินที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ นอกจากนี้ จังหวัดที่มีชายแดนติดกับไทยเงินบาทยังได้รับการยอมรับในการทำธุรกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ทางธนาคารยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “บริการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ซื้อในประเทศ CLMV” วงเงินสินเชื่อให้ผู้ประกอบการใน CLMV ซื้อสินค้าและบริการจากไทย วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ปี สูงสุด 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อราย และไม่เกินร้อยละ 85 ของมูลค่าซื้อขายสินค้าหรือบริการจากไทย อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ LIBOR บวกร้อยละ 4 ต่อปี บริการดังกล่าวมีเป้าหมายผลักดันการส่งออกของไทยไป CLMV ในปี 2562 ต่อเนื่องจากปี 2561 ที่การส่งออกไป CLMV ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 17 ส่งผลให้สัดส่วนการส่งออกของไทยไป CLMV แซงหน้าตลาดส่งออกสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ รวมทั้งสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น โดยเอ็กซิมแบงก์จะชำระค่าสินค้าโดยตรงให้แก่ผู้ส่งออกไทยช่วยให้ผู้ส่งออกมีความมั่นใจที่ขยายการค้ากับคู่ค้าใน CLMV
“CLMV เป็นประเทศเป้าหมายทางการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการไทย มีกัมพูชาเป็นตลาดการค้ายุคใหม่ที่มีศักยภาพตามทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภครุ่นใหม่ในเมืองหลวงและเมืองสำคัญด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งมีความพร้อมรองรับการเริ่มต้นและขยายตัวของธุรกิจ เอสเอ็มอีไทย เอ็กซิมแบงก์พร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนเชิงรุกผลักดันการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับกัมพูชา เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน” นายพิศิษฐ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย