เอ็กซิมแบงก์เปิดสาขากัมพูชาเชื่อมการค้า CLMV

พนมเปญ 7 มี.ค. – เอ็กซิมแบงก์เปิดสำนักงานผู้แทนแห่งที่ 3 ในพนมเปญ พร้อมเปิดตัวบริการสินเชื่อผู้ซื้อในกัมพูชา ช่วยผลักดันการส่งออกไทยไปกลุ่มประเทศ CLMV 


นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนางเนียว จันทานา รองผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติกัมพูชา ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดสำนักงานผู้แทนธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ในกรุงพนมเปญ กัมพูชา 

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า การเปิดสำนักงานผู้แทนเอ็กซิมแบงก์ในกรุงพนมเปญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีมีโอกาสทางธุรกิจมากในกัมพูชา โดยมีเอ็กซิมแบงก์ให้ข้อมูลและคำปรึกษาด้านการค้าการลงทุนและการเงินแก่ผู้ประกอบการไทย เป็นกลไกสำคัญภาคการเงินการธนาคารสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทยควบคู่กับการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมใน CLMV เอ็กซิมแบงก์มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทยใน CLMV ได้แก่ ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 64,000 ล้านบาท ตั้งแต่เปิดดำเนินการและกำลังก้าวสู่ปีที่ 26 และด้วยความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน การค้าไทย-กัมพูชาเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 15 ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2561 มีมูลค่าสูงถึง 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้นร้อยละ 36.6 จากปีก่อน และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มเกือบเท่าตัวถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ขณะที่การลงทุนในกัมพูชาช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับ 4 ในกัมพูชา 


สำหรับการเปิดสำนักงานผู้แทนของ EXIM BANK ในกรุงพนมเปญเป็นผลจากการสนับสนุนของรัฐบาลกัมพูชาผ่านธนาคารแห่งชาติกัมพูชา และกระทรวงการคลังของกัมพูชา เพื่อให้เอ็กซิมแบงก์มีบทบาทเพิ่มขึ้นในระดับภูมิภาค ในฐานะหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทยที่จะทำงานร่วมกันกับภาครัฐและเอกชนในกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรที่สำคัญของไทยมายาวนาน และจากการที่ประเทศไทย ประกาศแนวคิดหลักสำหรับการเป็นประธานอาเซียนของไทยปีนี้ ได้แก่ ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน เล็งเห็นถึงความสำคัญของการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน มุ่งสร้างสังคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางและก้าวสู่อนาคตไปด้วยกัน โดยไทยจะเสริมสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกันมากขึ้นกับสมาชิกอาเซียน รวมทั้งกัมพูชานำไปสู่ความเชื่อมโยงกันมากขึ้นด้านโครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบที่เป็นหนึ่งเดียวกัน และความเชื่อมโยงระดับประชาชน เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนกันของอาเซียนโดยแท้จริง 

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่า การเปิดสำนักงานผู้แทนเอ็กซิมแบงก์ในกรุงพนมเปญอย่างเป็นทางการนับเป็นแห่งที่ 3 ต่อเนื่องจากการเปิดสำนักงานผู้แทนในเมืองย่างกุ้ง เมียนมา และเวียงจันทน์ สปป.ลาว เมื่อปี 2560 และ 2561 ตามลำดับ ที่ผ่านมาสนับสนุนการลงทุนไทยในกัมพูชามากกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม และการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ ทั้งนี้ ธุรกิจแฟรนไชส์ของไทยเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวในกัมพูชา อาทิ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เบเกอรี่ และสปา เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ในกัมพูชา กลุ่มประชากรในกรุงพนมเปญที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น ชาวต่างชาติที่ทำงานในกัมพูชา และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการบริการในแบบที่คุ้นเคยและได้มาตรฐาน  

สำหรับการเปิดสำนักงานผู้แทนนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์เชื่อมไทย เชื่อมโลก ด้วยการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเอ็กซิมแบงก์จะทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนภายใต้ทีมประเทศไทย สร้างโอกาสเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อการวางแผนและดำเนินธุรกิจในประเทศเป้าหมายที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในตลาดใหม่ รวมถึง CLMV ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงเอสเอ็มอีลักษณะห่วงโซ่มูลค่ากับธุรกิจขนาดใหญ่  


นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า กัมพูชามีจุดเด่นด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยร้อยละ 6.5 ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า รัฐบาลกัมพูชามีนโยบายเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวและการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ปี 2566 ความเป็นเมืองที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการเปิดกว้างรับการลงทุนต่างชาติ ทั้งด้านกฎระเบียบและระบบการเงินที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ นอกจากนี้ จังหวัดที่มีชายแดนติดกับไทยเงินบาทยังได้รับการยอมรับในการทำธุรกรรมต่าง ๆ  นอกจากนี้ ทางธนาคารยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “บริการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ซื้อในประเทศ CLMV” วงเงินสินเชื่อให้ผู้ประกอบการใน CLMV ซื้อสินค้าและบริการจากไทย วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ปี สูงสุด 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อราย และไม่เกินร้อยละ 85 ของมูลค่าซื้อขายสินค้าหรือบริการจากไทย อัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำ LIBOR บวกร้อยละ 4 ต่อปี บริการดังกล่าวมีเป้าหมายผลักดันการส่งออกของไทยไป CLMV ในปี 2562 ต่อเนื่องจากปี 2561 ที่การส่งออกไป CLMV ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 17 ส่งผลให้สัดส่วนการส่งออกของไทยไป CLMV แซงหน้าตลาดส่งออกสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ รวมทั้งสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น โดยเอ็กซิมแบงก์จะชำระค่าสินค้าโดยตรงให้แก่ผู้ส่งออกไทยช่วยให้ผู้ส่งออกมีความมั่นใจที่ขยายการค้ากับคู่ค้าใน CLMV 

“CLMV เป็นประเทศเป้าหมายทางการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการไทย มีกัมพูชาเป็นตลาดการค้ายุคใหม่ที่มีศักยภาพตามทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภครุ่นใหม่ในเมืองหลวงและเมืองสำคัญด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งมีความพร้อมรองรับการเริ่มต้นและขยายตัวของธุรกิจ เอสเอ็มอีไทย เอ็กซิมแบงก์พร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนเชิงรุกผลักดันการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับกัมพูชา เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน” นายพิศิษฐ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]