ธรรมศาสตร์ 6 มี.ค.- “ปริญญา” ชี้ เลือกตั้งการเมืองแบ่ง 3 ก๊ก พปชร.ต้องชนะเท่านั้น “พล.อ.ประยุทธ์” ถึงจะเป็นนายกฯ ต่อได้ ขณะที่ ทษช.จะถูกยุบหรือไม่ ไม่ส่งผลต่อจำนวน ส.ส.ฝั่งเพื่อไทย
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหาร ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผย ผลงานวิชาการ ในการเสวนาวิชาการ “การเลือกตั้งแบบ 3 อิน 1 กับผลทางการเมืองและการใช้สิทธิของประชาชน” คาดการณ์ผลทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น จากระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม ในการเลือกตั้งปี 2562 ว่า ระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ บัตรเลือกตั้งจะมีผลกับคะแนนเสียงของประชานและจำนวน ส.ส.ในหลายมิติ เนื่องจากระบบเลือกตั้งใหม่ ทำให้พรรคใหญ่ได้ ส.ส. น้อยลง จะมีพรรคขนาดกลางมาเเย่ง ส.ส.
“ปกติการเลือกตั้งทุกครั้ง พรรคใหญ่จะได้ส.ส.ระบบเขต น้อยกว่าแบบบัญชีรายชื่อ จึงตั้งข้อสังเกตถึงการใช้บัตรใบเดียว หากคนชอบผู้สมัคร ส.ส.และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ต่างพรรคกัน จะทำให้เกิดการขาดสิทธิในการตัดสินใจเลือกตั้ง” นายปริญญา กล่าว
นายปริญญา กล่าวว่า ส่วนสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง คาดว่าไม่มีพรรคใดได้ ส.ส.เกิน 250 เสียง เพราะผู้ที่มีโอกาสเลือกตั้งครั้งแรก 6.4 ล้านคน มีแนวโน้มที่จะเลือกพรรคการเมืองใหม่ จะเกิดการเมืองแบบ 3 ก๊กในการตั้งรัฐบาล คือ ก๊กที่ 1 พรรคการเมืองและ ส.ว.ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก๊กที่ 2 พรรคเพื่อไทยและพรรคเครือข่าย และก๊กที่ 3 พรรคประชาธิปัตย์
นายปริญญา กล่าวว่า โอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลมีได้หลายรูปแบบ โดยมีพรรคภูมิใจไทยเป็นตัวเเปรสำคัญ รวมถึง นายกรัฐมนตรีจะมาจากว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคไม่เกิน 5-6 พรรค และโอกาสของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ มีเหตุผลเดียว คือพรรคพลังประชารัฐชนะการเลือกตั้ง แต่จะติดปัญหาเรื่องคุณสมบัติของหัวหน้า คสช. ที่อาจขัดต่อกฎหมายในการถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และ ส.ว.อาจเป็นปัญหาในการเลือกนายรัฐมนตรี จากกระแสฟรีโหวตที่จะเกิดหลังการเลือกตั้ง
นายปริญญา กล่าวว่า สำหรับการตัดสินคดียุบพรรคไทยรักษาชาติเชื่อว่า จะไม่ส่งผลต่อจำนวน ส.ส.ที่คำนวนไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากคะแนนเสียงสามารถถ่ายโอนไปเลือกพรรคการเมืองอื่นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลได้ แต่เป็นห่วงผู้สมัครที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นต้องได้รับผลกระทบ ไม่สามารถลงรับสมัครเลือกตั้งได้ ดังนั้น ควรจะมีการเยียวยา ..- สำนักข่าวไทย