กรุงเทพฯ 5 มี.ค.- เพื่อไทยเปิดนโยบายท่องเที่ยว 2 ปี นักท่องเที่ยว 50 ล้านคน เพิ่มรายได้ 3 ล้านล้านบาท ด้วย 10 ยุทธศาสตร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 มี.ค.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยพร้อมด้วย นายโภคิน พลกุล คณะทำงานด้านกฎหมาย ร่วมกันแถลงเปิดนโยบายด้านการท่องเที่ยว ที่ท่าเรือยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค เขตพระนคร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของนโยบายหลัก “ลดหนี้ เติมเงิน ลดภาษี สร้างเศรษฐีใหม่” ที่ใช้ในการเลือกตั้ง
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศถดถอยต่อเนื่อง มีเพียงการท่องเที่ยวที่ยังพอทำรายได้ให้กับประเทศ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะเพิ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้ได้ 50 ล้านคน และเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวเป็น 3 ล้านล้านบาท ทำให้เกิดการจ้างงานจาก 6.4 ล้านคน เป็น 8 ล้านคน ภายใน 2 ปี และตั้งเป้าจะเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อวันของนักท่องเที่ยวเป็น 7,000 บาทต่อวัน ยืดเวลาการอยู่เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็น 11 วัน
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการผ่าน 10 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 1. สร้างความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย และมีระบบเตือนภัย 2. เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวให้ทุกจังหวัดเป็นแหล่งท่องเที่ยว 3. สร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์การสร้างสุขภาพองค์รวม ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากมาเที่ยว เช่น นวดไทย และสปา 4. สร้างบิ๊กอีเว้น และเทศกาลใหญ่ๆ ที่ให้คนทั่วโลกหลั่งไหลมาเที่ยว เช่น สงกรานต์ ปีใหม่เคาท์ดาวน์กระจายตามเมืองใหญ่ทั่วประเทศ 5. เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวภูมิภาค เข้ามาในไทยแล้วต้องไปเที่ยวที่อื่นต่อได้
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า 6. พัฒนาสินค้าโอท็อปเป็น 1 ตำบล 1ของฝาก เพิ่มรายได้จาก 1.9 แสนล้านบาท เป็น 3 แสนล้านบาท 7. ส่งเสริมให้มีไทยแลนด์ ทัวร์ลิสต์ แพลตฟอร์ม 8. ปลดล็อกวีซ่า เพื่ออำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยว 9. เพิ่มเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศลงสู่เมืองใหญ่ต่างๆ ในประเทศไทย และ 10. ทลายอุปสรรคทางกฎหมายที่ทำให้การท่องเที่ยวไม่โต โดยเฉพาะคนที่อยากประกอบกิจการที่พักโอมสเตย์
ด้าน นายโภคิน กล่าวว่า พรรควางแผนว่าจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าเดิม พยายามมาตั้งแต่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่องยกเลิกวีซ่ากับจีน และต้องปรับให้เป็นวีซ่าที่เข้าออกไปมาโดยใช้ไทยเป็นศูนย์กลางได้ นอกจากนี้ ต้องทำให้คนตัวเล็กที่ไม่มีเส้นสาย ต้องมีโอกาสรวมตัวกัน เพื่อกำหนดมาตรฐาน และดูแลตรวจสอบตัวเองในส่วนหนึ่ง โดยให้รัฐเป็นเพียงผู้ออกนโยบาย ..- สำนักข่าวไทย