สถาบันพระปกเกล้า 5 มี.ค.- สถาบันพระปกเกล้า เผยผลการสำรวจความเห็นและวิจัยพบปัจจัยที่มีผลในการตัดสินใจ ในการเลือกผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตและนายกรัฐมนตรี คือต้องมีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม โปร่งใส ถ้าจะเลือกพรรคก็ดูนโยบายพรรคเป็นหลัก
สถาบันพระปกเกล้า นำโดย ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า และ ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการผู้ชำนาญการ รักษาการผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า แถลงผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ภายใต้โครงการ จับตาการเลือกตั้ง 62
นายวุฒิสาร กล่าวว่า การสำรวจความคิดเห็น เรื่อง”ปัจจัยในการเลือกผู้สมัคร พรรค คุณลักษณะของนายกรัฐมนตรีที่พึงประสงค์ และความมุ่งมั่นในการเลือกตั้ง” เป็นการสำรวจครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.- 1 ม.ค. 62 จากประชาชนทั่วประเทศ 1,540 ตัวอย่าง แบ่งตามภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 33.3 ภาคกลางและตะวันออก ร้อยละ 26.2 ภาคเหนือ ร้อยละ 17.8 ภาคใต้ ร้อยละ 14.2 และกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 8.6 การจำแนกเพศ เพศหญิง ร้อย 51.2 เพศชาย ร้อยละ 48.8 อาชีพ ภาคแรงงานสูงสุด ร้อยละ 26.7 กลุ่มอายุ 46-60 ปี ระดับการศึกษามัธยมศึกษา ร้อยละ 45.7.
พบว่า ปัจจัยที่มีผลในการตัดสินใจ ในการเลือกผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตมากที่สุด คือผู้สมัครต้องมีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม รองลงมาต้องมีวิสัยทัศน์และความคิดที่ก้าวหน้า และอันดับ 3 คือความสามารถในการแก้ไขพื้นที่ ทั้งนี้ปัจจัยที่ประชาชนเห็นว่ามีส่วนสำคญน้อย ไม่มีส่วนสำคัญเลยในการเลือกตัดสินใจเลือกส.ส แบบแบ่งเขต คือ สัญญาว่าจะให้ของกำนัล หรือเงิน เพศ หรือ บุคคลิกหน้าตา
ขณะที่ปัจจัยในการเลือกพรรคการเมือง พบว่า ปัจจัยนโยบายของพรรค เป็นอันดับหนึ่ง ร้อยละ 67.1 รองลงมาปัจจัยหัวหน้าพรรค ผู้นำพรรค และลำดับถัดมาคือ แนวทางการดำเนินการทางการเมืองของพรรค ร้อยละ 55.7 ทั้งนี้ ปัจจัยที่ประชาชนเห็นว่ามีส่วนสำคัญน้อย คือ เป็นบุคคลที่เคารพ คนรู้จัก เพื่อนแนะนำ ร้อยละ 58.8 รองลงมา ครอบครัวเคยเลือกพรรคนี้มา
ส่วนคุณลักษณะของนายกรัฐมนตรีนั้น นายวุฒิสาร กล่าวว่าประชาชนที่ตอบแบบสอบถามเลือกนายกรัฐมนตรีที่ มีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต มีคะแนนเท่ากับมีความโปร่งใสในการทำงาน ร้อยละ 99.6 รองลงมา ต้องเป็นผู้มีความอุทิศ เสียสละ และปัจจัยที่ประชาชนเห็นว่ามีความสำคัญน้อย คือนายกรัฐมนตรีที่มีวาทศิลป์ในการสื่อสาร มีประสบการณ์ทางการเมืองและความสามารถในการสื่อสารกับต่างประเทศ
โดยเกณฑ์ในการเลือก ส.ส. แบบแบ่งเขต พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 43.5 ให้ความสำคัญกับผู้สมัคร ส.ส ในเขต ทั้งนี้ตั้งแต่มีการสำรวจความคิดเห็นครั้งที่ 1 ถึง 4 นี้ พบว่า ประชาชนมีความมุ่งมั่นในการออกไปใช้สิทธิ์แน่นนอนเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ร้อยละ 95.8
นายวุฒิสาร กล่าวว่า สำหรับโครงการจับตา การเลือกตั้ง 62 ทางสถาบันฯ ตั้งใจจะทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 5 ครั้งสุดท้ายถือเป็นครั้งสุดท้ายของการสำรวจ โดยสถาบันพระปกเกล้า จะทำการสำรวจเกณฑ์การตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งในช่วงการหาเสียงเข้มข้นและการหาเสียงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง และนโยบายแบบไหนประชาชนชื่นชอบก่อนเข้าคูหาหย่อนบัตรเลือกตั้ง ในวันที่24 มีนาคม 2562 และสถาบันพระปกเกล้าจะยังคงเกาะติดสถานการณ์การเลือกตั้งต่อไป.-สำนักข่าวไทย
