ทำเนียบรัฐบาล 26 ก.พ.-นายกฯ ระบุเตรียมตัวขึ้นเวทีดีเบตมานานแล้ว แต่ไม่ไป ชี้ไม่มีความจำเป็นเพราะส่วนใหญ่โจมตีกัน ไม่พูดเรื่องนโยบาย สั่งเอาผิดคนบิดเบือนให้เลือกผู้สมัครพปชร.แลกบัตรสวัสดิการรัฐ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) กรณีหลายพรรคการเมืองเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีขึ้นเวทีดีเบต ว่า เตรียมตัวมานานแล้ว แต่ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องดีเบต เพราะส่วนใหญ่เป็นการกล่าวโจมตี โต้เถียงกันไปมาในช่วงต้น แทบจะไม่พูดเรื่องนโยบายหรือนำมาพูดในช่วงท้าย ซึ่งคนไม่สนใจจะฟังแล้ว ซึ่งลักษณะนี้ไม่ใช้การดีเบตเหมือนต่างประเทศทำ
“ผมคงไม่โกรธ ไม่กลัว ไม่ว่าใครจะมากระตุ้น แต่ผมในฐานะคนทำงาน ขอทำงานดีกว่า เสียเวลาไปประดิษฐ์คำ ส่วนวิสัยทัศน์ผมมีอยู่แล้ว ถ้าใครอยากรู้คือ ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ส่วนการดำเนินนโยบาย ถ้าได้เป็นรัฐบาลต่อ จะมุ่งตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทที่วางไว้สนับสนุนการทำเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ลดต้นทุนการผลิตภาคการเกษตร” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การค้าขายในปัจจุบันไม่ดี ขายได้บ้างไม่ได้บ้างเป็นเรื่องปกติ เพราะต้องยอมรับว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ดังนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันความเปลี่ยนแปลง ไม่อยากจะให้นำเรื่องนี้ไปประดิษฐ์เป็นวาทกรรมโจมตีกันไปมา การบริหารประเทศจะให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียม พัฒนาทุกพื้นที่ด้วยความเป็นธรรม เพราะถือว่าทุกคนคือคนไทย ไม่อยากตอบโต้กับใคร แต่อยากให้เข้าใจถึงการบริหารราชการแผ่นดินว่าไม่ง่าย เพราะมีกลไกเกี่ยวข้องมากมายที่ต้องดำเนินการกว่าจะสัมฤทธิผลได้ทุกเรื่อง
ส่วนการประชุมคสช.วันนี้จะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ไปดูบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญว่าคสช.ปฏิบัติหน้าที่ได้ถึงช่วงใด และหากมีปัญหาต้องแก้ไข จำเป็นต้องเรียกประชุมคสช.
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐออกหนังสือประชารัฐ สร้างชาติ ซึ่งเป็นประวัตินายกรัฐมนตรี ว่า เห็นหนังสือแล้ว ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ซึ่งไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะทราบว่าเป็นการแจกให้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) และสมาชิกพรรคเท่านั้น
ส่วนกรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงทางโซเชียลมีเดีย โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่พรรคพลังประชารัฐโทรศัพท์ไปหาประชาชนขอให้เลือกผู้สมัครส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ หากต้องการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อ ว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรีไปตรวจสอบกับพรรคพลังประชารัฐแล้วว่ามีการกระทำดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าไม่ได้ทำ จึงจะให้เจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดกับผู้กระทำการดังกล่าว และใครให้ข้อมูลทางโซเชียลมีเดียควรต้องระมัดระวังว่าอาจมีความผิดทางกฎหมาย และถ้าถูกดำเนินคดีจะมาร้องว่าถูกรังแกหรือไม่ได้รับเป็นธรรมไม่ได้ เพราะหลายเรื่องที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในโซเชียลมีเดียในขณะนี้เป็นข้อมูลเท็จ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแก๊งงานบวชเข้าไปทำร้ายครู-นักเรียนในโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ ว่า ผู้ที่กระทำความผิดถูกจับกุมแล้ว และกำชับให้บังคับใช้กฎหมายเต็มที่กับผู้กระทำไม่เหมาะสม โดเฉพาะการก่อความวุ่นวายในโรงพยาบาล โรงเรียนหรือการใช้อาวุธบนท้องถนน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคม ทั้งหมดต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีหลายเรื่องที่ต้องแก้ไขโดยเฉพาะเรื่องค่านิยม ทั้งเรื่องการเปิดเสียงดังในงานบวช การดื่มแอลกอฮอล์ในวัด ตนเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองกลุ่ม ทั้งคนที่บวชและคนที่กำลังสอบ ซึ่งต้องแก้กันที่จิตสำนึก.-สำนักข่าวไทย
