กรุงเทพฯ 26 ก.พ.-ประธานยุทธศาสตร์กรุงเทพฯ พปชร. ลงพื้นที่ย่านอโศก ช่วยผู้สมัคร ส.ส.เขตคลองเตย-วัฒนา หาเสียง ระบุ พปชร.ยึดคำชี้ขาด กกต. “พล.อ.ประยุทธ์” ช่วยพรรคหาเสียงได้หรือไม่
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ย่านอโศก ช่วยนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ผู้สมัคร ส.ส. เขตคลองเตย เขตวัฒนา หมายเลข 6 หาเสียงกับพนักงาน นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน โดยเดินแจกใบปลิวแนะนำตัวผู้สมัครและรายละเอียดผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 30 เขตของพรรคพลังประชารัฐ ในตลาดรวมทรัพย์ และตลาดนัดมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.)
นายพุทธิพงษ์ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาหาข้อสรุปว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ สามารถช่วยลูกพรรคหาเสียงและขึ้นเวทีดีเบต ได้หรือไม่ ว่า พรรคได้ทำหนังสือขอความชัดเจนไปที่ กกต.แล้ว และอยู่ระหว่างรอคำตอบ ซึ่งพรรคหวังว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะสามารถทำอะไรได้เหมือนกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอื่น ๆ เช่น การลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงทั่วประเทศ
“เข้าใจดีว่าพรรคมีข้อจำกัด ซึ่งหลาย ๆ เรื่องยังไม่ได้รับคำยืนยันและตีความอย่างชัดเจน ครั้งนี้จึงทำจดหมายอย่างเป็นทางการไปยัง กกต.ให้ชี้ขาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถช่วยหาเสียง ปราศรัย หรือขึ้นเวทีดีเบตให้กับพรรคได้หรือไม่ แต่หาก กกต.ระบุว่าไม่สามารถทำได้ พรรคก็พร้อมปฏิบัติตามระเบียบ” นายพุทธพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลเตือนว่าแม้ว่า กกต.จะอนุญาต แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ในสถานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ต้องยึดถือและเชื่อฟัง กกต. เพราะเป็นผู้ดูแลข้อบังคับและกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง หาก กกต.ชี้ขาดสิ่งใด ทุกพรรคจะต้องเชื่อถือและปฏิบัติตาม
“หลายครั้งที่เกิดปัญหาในประเทศไทย เพราะว่ามีหลายหน่วย หลายกลุ่มคน ที่ไม่เชื่อคำตัดสินของหน่วยงานกลาง หรือหน่วยงานอิสระ ซึ่งทำให้มีปัญหามาโดยตลอด แต่พรรคพลังประชารัฐจะไม่ทำ เพราะเชื่อมั่นในทุกหน่วยงาน และเชื่อองค์กรกลางที่ทำหน้าที่ผู้ตัดสิน” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หาก กกต.ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถช่วยหาเสียงและดีเบตได้ การจัดคิวลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำอย่างไรไม่ให้กระทบงานราชการ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า พรรคพร้อมทำตามที่ กกต.ระบุ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพรรคอยู่ในกรอบระเบียบและกฎหมายมาโดยตลอด ผู้สมัครทุกคนก็อยู่ในกฎกติกา ไม่ค่อยเห็นผู้สมัครของพรรคเล่นเกมการเมืองแบบเดิม ๆ พูดโทษกันไปโทษกันมา หรือสร้างภาระให้กับพื้นที่ แต่เดินหน้าหาเสียงแบบคนรุ่นใหม่ เสนอนโยบายที่ตั้งใจทำเพื่อประชาชน
เมื่อถามว่า หลังจากที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ บ้างหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ติดภารกิจราชการเป็นส่วนใหญ่ แต่ได้ส่งความห่วงใยและให้กำลังใจมาแก่สมาชิกพรรค เพราะทราบดีว่าทุกคนหาเสียงเหนื่อย และเข้าใจดีว่าพรรคไม่มีความประสงค์อย่างอื่น นอกจากเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
“ยืนยันว่าไม่ใช่พรรคสืบทอดอำนาจ เพราะเราเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเหมือนทุกพรรค ส่วนที่มีการพูดว่าพลังประชารัฐ เป็นพรรคสืบทอดอำนาจเผด็จการ ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะสมาชิกในพรรคไม่มีทหารแม้แต่คนเดียว ยกเว้น พล.อ.ประยุทธ์ ที่เห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์ตอนนี้” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
นายพุฒิพงษ์ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าคนกรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกใคร เพราะบ้านเมืองเดินมาไกลพอสมควร ไม่อยากเห็นการเมืองและปัญหาเดิม ๆ กลับมาอีก เชื่อว่าทุกคนจำภาพในอดีตได้เป็นอย่างดีว่าเคยเกิดอะไรขึ้นในกรุงเทพฯ พรรคจึงมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นทางเลือกเดียวที่สามารถทำให้บ้านเมืองสงบ ประชาชนมีความสุข สามารถทำธุรกิจค้าขายไปข้างหน้าได้อย่างดีที่สุด นโยบายพัฒนากรุงเทพฯ ของพรรค อาจจะไม่สวยหรู หรือเพ้อฝัน แต่ทำได้จริง ซึ่งภายในวันพรุ่งนี้ (27 ก.พ.) จะได้เห็นนโยบายหลัก ๆ ของพรรคที่เสนอให้ชาวกรุงเทพฯ และเชื่อว่าจะได้รับการพิจารณา เพราะทั้งหมดได้มาจากข้อเสนอแนะ และการสะท้อนปัญหาของชาวกรุงเทพฯ
ส่วนเรื่องการตรวจสอบนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งพรรคเชื่อในระบอบประชาธิปไตยและระบอบตรวจสอบ และพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ขอว่าให้มีการตรวจสอบเหมือนกันทุกพรรคอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่ตรวจสอบเฉพาะพรรคใดพรรคหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย