พหลโยธิน 8 26 ก.พ.-พลังประชารัฐลุยหเสียงใจกลางเมืองย่านซอยอารีย์ ชูนโยบายอารีย์โมเดลตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ กทม.น่าอยู่ 50 เขต 50 สวน มั่นใจได้ส.ส.ครบ 30 เขต
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ช่วยน.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) เขต 6 ราชเทวี พญาไท จตุจักร(แขวงจตุจักรและจอมพล) หาเสียงบริเวณตึกพหลโยธินเพลส ซอยพหลโยธิน 8 (สายลม) บีทีเอสอารีย์ และตลาดซอยอารีย์ เพื่อขอเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ อาสารับใช้พี่น้องประชาชน รับฟังทุกปัญหา ร่วมพัฒนาแก้ไขชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น เพื่อเติบโตแบบยั่งยืนไปพร้อมกัน
นายสุวิทย์ กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้(26 ก.พ.) เพื่อพบปะคนกทม.และดูว่าจะทำอย่างไรให้กทม.เป็นเมืองน่าอยู่ จึงเสนอคนรุ่นใหม่ให้อาสาเข้ามาทำหน้าที่ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ชั้นในที่มีปัญหามลพิษ เช่น ปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งน.ส.ภาดาท์ ผู้สมัครเขตนี้ของพรรคเป็นผู้มีประสบการณ์และมีความรู้ความสามารถด้านสิ่งแวดล้อมโดยตรง มั่นใจว่าจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา คิดนโยบาย ตอบโจทย์คนกทม.
ด้านน.ส.ภาดาท์ เสนออารีย์ โมเดล พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดีขึ้น พัฒนาสิ่งแวดล้อมด้วยการเพิ่มอากาศดีจากการปลูกต้นไม้ 50 เขต 50 สวน แก้ปัญหาทางเท้าให้ประชาชนเดินได้สะดวก ยอมรับว่าในพื้นที่นี้ตนเองเป็นมวยรอง แต่จะทำให้เต็มที่
นายสุวิทย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเกี่ยวกับประเด็นที่ฝ่ายการเมืองเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ร่วมประชันวิสัยทัศน์ว่า ไม่ขอแสดงความเห็น เพราะต้องรอความชัดเจนจากทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่าสามารถทำได้หรือไม่
ส่วนกรณีที่พื้นที่กทม.ผูกขาดด้วย 2 พรรคการเมืองใหญ่ พลังประชารัฐในฐานะพรรคใหม่กังวลหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า อยากให้มองย้อนไปว่าในอดีตที่ผ่านมา 2 พรรคการเมืองเหล่านั้นทำอะไรให้กทม.บ้าง ทั้งที่กทม.ควรได้รับการพัฒนาที่ดีขึ้นมากกว่านี้ ดังนั้น ควรให้โอกาสพรรคใหม่อย่างเราเข้ามาแก้ปัญหาและพัฒนาให้กทม.เป็นเมืองหน้าอยู่ เป็นเมืองระดับโลก มาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย ซึ่งมั่นใจว่าพรรคจะตอบโจทย์คนกรุงเทพฯ ด้วยคนรุ่นใหม่
นายสุวิทย์ กล่าวถึงกรณีเสียงวิจารณ์ว่า 4-5 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศ แต่ไม่สามารถทำให้ปัญหาดีขึ้นได้ ว่า เป็นเพราะประเทศมีปัญหาสะสมมานานหลายปี การเมืองในอดีตมีแต่ความขัดแย้ง ไม่มีเสถียรภาพ การขับเคลื่อนประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ขับเคลื่อนไปอย่างยากลำบาก ด้วยสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ รวมไปถึงความท้าทายภายในประเทศ ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมาทำได้ขนาดนี้ถือว่าดีที่สุดแล้ว ดังนั้นหากต้องการให้ประเทศพัฒนาต่อเนื่องต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ
นายสุวิทย์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐจะได้รับชัยชนะในทุกเขตเลือกตั้งของ กทม. เพราะได้คัดสรรผู้สมัครที่เป็นเพชรเม็ดงาม พร้อมกับนโยบายที่ตอบโจทย์ ทั้งการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม การจราจร รวมถึงพัฒนาความเป็นอยู่ ซึ่งทั้งหมดทำได้จริง เพราะพล.อ.ประยุทธ์ที่ได้รับเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เป็นคนทำจริง ทำแล้วและทำได้ ดังนั้น ผู้นำแบบพล.อ.ประยุทธ์จึงถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้พรรคชนะการเลือกตั้ง.-สำนักข่าวไทย
