อภัยภูเบศร’ แนะกินใช้สมุนไพรสู้ฝุ่น

กทม. 25ก.พ.-แพทย์เผยฝุ่นจิ๋วPM2.5แฝงในอากาศมานาน 20ปีแม้ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแต่อย่าวางใจ ด้าน “อภัยภูเบศร”แนะกินใช้สมุนไพรสู้ฝุ่นอย่างถูกวิธี โดยสามารถศึกษาได้ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ 6-10 มี.ค.นี้


ในเวทีเสวนาวิชาการ “สมุนไพร ทางออกประเทศไทย คลี่คลายมลพิษ” จัดโดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร 


รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า ฝุ่นPM2.5 มีมานานแล้ว เพียงแต่มาส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ทำให้มีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง แต่แม้ในขณะนี้ปริมาณฝุ่นจะลดลง แต่ก็ไม่อาจวางใจได้ ตราบใดที่ยังไม่สามารถควบคุมปริมาณการใช้เครื่องยนต์ ทั้งจากโรงงานอุตสาหกรรม ยานพาหนะ ตลอดจนถึงจำนวนผู้สูบบุหรี่10.9 ล้านคน 


ขณะเดียวกันมีผลวิจัยที่น่าตกใจของประเทศอิตาลีซึ่งระบุว่ามีการสตาร์ทรถเครื่องยนต์ดีเซลทิ้งไว้ 30 นาที ปริมาณฝุ่นพิษที่มาจากท่อไอเสีย เขม่ารถยนต์ น้อยกว่าปริมาณควันที่มาจากการจุดบุหรี่ต่อเนื่องกัน 3 มวน ซึ่งปัจจุบันคนไทยสูบบุหรี่ เฉลี่ยวันละ 10 มวนต่อคนต่อวัน แสดงว่ามีจำนวน ผู้สูบบุหรี่ต่อวันถึง100 ล้านมวน ปริมาณมลพิษจึงกระจายไปทั่ว และหากส่งผลต่อเด็ก สตรี คนชรา ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน มะเร็ง หัวใจ 

อัมพฤกษ์ หากได้รับมลพิษเป็นจำนวนมาก อาจจะส่งผลเฉียบพลันถึงขั้นเสียชีวิต โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์ อาจถึงขั้นแท้งบุตร หรือเกิดมาในลักษณะผิดปกติ  

‘รู้สึกยินดีที่รัฐบาลประกาศให้ปัญหาฝุ่นพิษเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่องแต่เชื่อว่าแม้จะแก้ไขอย่างเต็มกำลังก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5ปี เลวร้ายที่สุดอาจยาวนานถึง 20 ปี สำหรับมาตรการระยะสั้นที่อยากฝากไว้เป็นสูตร 4 ข้อคือ 1.รู้ไว คือตรวจเช็คปริมาณฝุ่นพิษจากแอพพลิเคชันที่มีหลากหลายโดยตลอด เพื่อเตรียมรับมือหากค่าฝุ่นเกิน 100 2.ไม่เผา คือไม่เผาไร่ หญ้า ขยะ ตลอดจนถึงสูบบุหรี่ในที่ชุมชนซึ่งจะก่อให้เกิดมลภาวะต่อส่วนรวม  3.เอาหน้า หมายถึงใส่หน้ากากป้องกันมลพิษ ในวันที่มีปริมาณสูงเกินปกติ และ 4. รักษาสุขภาพ ออกกำลังกายในบ้านแทนกลางแจ้ง รับประทานอาหารถูกสุขลักษณะและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ’ นพ.สุทัศน์ กล่าว 

ด้าน ภญ.อาสาฬา  เชาวน์เจริญ  หัวหน้าฝ่ายข้อมูลศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ในส่วนของโรงพยาบาลฯ ขอแนะนำสมุนไพรเพื่อช่วยดูแลปอด ในตัวแรกคือหญ้าดอกขาวเป็นยาล้างปอดที่ใช้ต่อเนื่องกันมายาวนาน มีงานวิจัยระบุว่าสามารถลดการแพร่กระจายของมะเร็งปอด สอดคล้องกับหมอยาพื้นบ้านที่ใช้ล้างมลพิษที่ค้างในปอดสามารถชงดื่มครั้งละไม่เกิน 2 กรัม 3 เวลา 

ตัวที่2 ที่แนะนำคือขมิ้นชันช่วยเพิ่มสมรรถภาพให้กับปอดและระบบทาง เดินหายใจ รับประทานครั้งละ 3 เม็ด 3 เวลา และควรรับประทานต่อเนื่องไม่เกิน 3 เดือน และให้หยุดพัก 1 เดือน ก่อนที่จะมาใช้ใหม่อีกครั้ง ตัวที่ 3.รางจืดที่ใช้ล้างสารพิษ ไม่ควรรับประทานต่อเนื่องเกิน 5วันใน 1เดือน และตัวสุดท้ายคือมะขามป้อม รับประทานทั้งรักษาอาการไอและเพื่อดูแลสุขภาพ มะขามป้อมจะเป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งผู้สนใจศึกษาข้อมูลสมุนไพรต้านมลพิษเพิ่มเติมสามารถร่วมเรียนรู้ได้ที่งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 16 ในวันที่ 6–10 มี.ค.นี้ ที่อิมแพคเมืองทองธานี ฮอลล์ 10-12  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

พ่อขอของขวัญวันเกิดให้ลูกชายรอดชีวิตจากตึก สตง.ถล่ม

พ่อของหนุ่มขอนแก่น วัย 35 ปี หนึ่งในผู้สูญหายจากอาคาร สตง.ถล่ม ขอของขวัญวันเกิดให้ลูกชายรอดชีวิต ส่วนหนุ่มช่างประปา วัย 32 ปี เหยื่อตึก สตง.ถล่ม เผาแล้ว แม่ยังทำใจไม่ได้ สะอื้นไห้หน้าเมรุ

“ชัชชาติ” เผยเตรียมกู้ 5 ร่างที่พบ-ขนย้ายชิ้นส่วนอาคารแล้ว 100 ตัน

ผู้ว่าฯ กทม. เผยเตรียมกู้ 5 ร่าง จาก 14 ร่างที่พบ ขนย้ายชิ้นส่วนอาคารแล้ว 100 ตัน ยันไม่ขีดเส้นตายหยุดช่วยเหลือ ปรับแผนเพิ่มการรื้อถอนด้วยเครื่องจักรหนักควบคู่ไปมากขึ้น