กรุงเทพฯ 12 ก.พ.- “อภิสิทธิ์” ยันเดินหน้าหาเสียง เชื่อเป็นทางออกที่ดีของประเทศ ไม่ยุ่งเรื่องพรรคไทยรักษาชาติ ให้เป็นหน้าที่ กกต.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ลงพื้นที่หาเสียงพบปะประชาชนช่วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครเขตจตุจักร พญาไท ราชเทวี บริเวณตลาดหลังการบินไทย ยืนยันจะลงพื้นที่หาเสียงพบปะกับประชาชนเพื่อนำเสนอนโยบายอย่างเต็มที่ ไม่ได้หวั่นไหวกับข่าวที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เพราะเชื่อว่าทางออกที่ดีที่สุดของประเทศคือการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ซึ่งจากการลงพื้นที่พบปะกับประชาชน ก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการนี้ จึงยังมองไม่เห็นเหตุผลว่าจะมีใครต้องการทำอะไรเพื่อไม่ให้เกิดการเลือกตั้ง ส่วนกรณีของพรรคไทยรักษาชาติถือเป็นเรื่องที่กกต.จะต้องพิจารณา พรรคประชาธิปัตย์ไม่ขอยุ่งกับเรื่องของพรรคอื่น และไม่ใช่เรื่องที่ฝ่ายการเมืองจะต้องมีประเด็นเกิดความขัดแย้งอะไร ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
“ตอนนี้ไม่มีอะไร ผมบอกให้ทุกคนเดินหน้าหาเสียงเอานโยบายไปบอกกับประชาชน ให้ความมั่นใจว่าเราเป็นหลัก เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ เดินหน้าการเมืองต่อไป และผลสำคัญที่สุดคือประชาชนจะเลือกใคร เราอยากให้ประชาชนสนับสนุนเราให้มากที่สุด จะได้นำประชาชนพ้นจากปัญหาต่าง ๆ ไปได้ “นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับกรณีที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ระบุจะหาเวลาให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี จะช่วยพรรคพลังประชารัฐหาเสียงนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และอยากให้การเลือกตั้งเป็นที่มั่นใจของทุกฝ่ายว่าสุจริต เที่ยงธรรม เสรี เป็นธรรม จะได้ทำให้เกิดความยอมรับ และประเทศเดินไปโดยไม่มีความขัดแย้ง ส่วนที่บรรยากาศหาเสียงที่เริ่มรุนแรงขึ้น มีการทำลายป้ายผู้สมัครนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องการทำลายป้ายหาเสียงมีมาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งไม่สร้างสรร จึงอยากให้มีกล้องวงจรปิด จะได้ปรามกันได้บ้าง
เมื่อถามว่า ได้มีการคาดการณ์ไว้หรือไม่ว่าคะแนนนิยมสูงพอที่จะตกลงกับพรรคพลังประชารัฐให้มาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ขอเป็นแกนนำรัฐบาล ต้องการคะแนนเสียงให้มากที่สุด ไม่ได้คิดถึงพรรคอื่น แต่ต้องการให้ประชาชนเลือกพรรคให้ชัดเจน อยากให้ประชาชนส่งสัญญาณชัด ๆ ว่าต้องการแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องไปขอประชาชนให้เลือกพรรคให้มากที่สุด.-สำนักข่าวไทย