กทม. 10 ก.พ.- ประธานบอร์ด กพฐ. ยืนยันการปรับหลักเกณฑ์การรับนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 ปีการศึกษา 2562 ทำเพื่อประโยชน์ของนักเรียนเป็นที่ตั้ง ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มสิทธิ์ให้กับลูกผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ หากผู้บริหารโรงเรียนเห็นแก่เด็กต้องไม่คัดค้าน
รศ.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ กพฐ. ยืนยันกับสำนักข่าวไทยว่า หลักเกณฑ์การรับนักเรียนใหม่ปีการศึกษา 2562 เน้นประโยชน์ในนักเรียนเป็นที่ตั้ง ไม่เข้าใจทำไมสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ถึงออกมาคัดด้าน โดยการตัดเงื่อนไขพิเศษ ที่ถูกตัดออก 3 ข้อในปีนี้ คือ 1.นักเรียนที่ทำคะแนนสอบคัดเลือกเท่ากันในลำดับสุดท้าย 2.รับนักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจ หรือคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย และ 3.นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ก็เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และไม่ให้เกิดการใช้เงินซื้อที่นั่งให้กับนักเรียน ถ้าผู้บริหารโรงเรียนเห็นกับเด็กจริง จะไม่คัดค้านในเรื่องนี้ เพราะอย่าง การตัดสิทธิ์โรงเรียนคู่พัฒนาก็เพื่อป้องกัน การให้โรงเรียนเอกชนไปหาประโยชน์ นำมาอ้างว่า หากเรียนในโรงเรียนนี้ จะมีโควต้าสามารถเรียนต่อโรงเรียนรัฐนี้ได้ เช่นเดียวกันเด็กที่อยู่ในอุปการะของคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียน เพราะมิเช่นนั้น ก็จะกลายเป็นรับเด็กที่มาจากการฝากของบรรดานักการเมือง
โดยหลักเกณฑ์การรับเด็กนักเรียน 4 ข้อ ระบุชัดอยู่แล้ว ครอบคลุมข้อผูกพันเดิม 1.นักเรียนที่อยู่ในความอนุเคราะห์ของผู้บริจาคที่ดินเพื่อจัดตั้งโรงเรียน 2. บุตรของราชการครู และบุคลากรในโรงเรียน 3.นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส 4.นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติ ซึ่งจุดนี้ต้องให้สิทธ์มากกว่าคนอื่น ทุกคนต้องมีส่วนช่วยดูแลครอบครัวของคนที่ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ
ส่วนข้อสงสัยเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติของเด็ก และหลักเกณฑ์การเป็นนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ ที่กำหนดต้องอาศัยอยู่ และมีชื่อในทะเบียนบ้านอย่างน้อย 2 ปีนั้น ตรวจสอบได้ไม่ยาก ดูจากโรงเรียนเดิมที่ศึกษา หากตอนชั้นป.6 อยู่ย่านสาทร แต่สมัครเรียน ม.1 ที่ย่านลาดพร้าว ถือว่ามีความห่างไกล ให้ตั้งข้อสังเกต และใบใช้สมัครใช้สิทธิ์เขตพื้นที่บริหาร ต้องทำเหมือนสมัครงาน ระบุชัดหากให้ข้อมูลเท็จ สามารถให้ออกจากการเรียนได้โดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อเพิ่มสิทธิ์และโอกาสให้กับเด็กในพื้นที่อย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย