กรุงเทพฯ 6 ก.พ.-กฟผ. เผยมีผู้เสนอขายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. ทั้งสิ้น 32 ราย ยืนยันดำเนินการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ด้วยความโปร่งใส
นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะโฆษก กฟผ. เปิดเผยว่า การนำน้ำมันปาล์มดิบมาเป็นเชื้อเพลิงร่วมกับก๊าซธรรมชาติผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นไปตามแผน ขณะนี้มีการยื่นเสนอ 32 ราย และจะดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบอย่างต่อเนื่อง จนครบ 160,000 ตัน โดยกรมการค้าภายใน (คน.) เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการจัดหาผู้เสนอขายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ. ซึ่งระบุว่า จะต้องมีสตอกน้ำมันปาล์มดิบขั้นต่ำ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของปริมาณที่เสนอจำหน่าย และเป็นผู้มีความสามารถในการขนส่ง เก็บรักษา และส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบให้กับ กฟผ.
นายพัฒนา กล่าวว่า กฟผ. ให้ความสำคัญกับการรับซื้อ โดยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กฟผ. ร่วมกับ กรมธุรกิจพลังงาน พลังงานจังหวัด และพาณิชย์จังหวัด ในพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ติดตามการซื้อขายผลทะลายปาล์มตามลานเทต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.ชุมพร เช่น ลานเทขวัญจิตร ลานเทหนองเนียน ปาล์มทอง และ จ.สุราษฎร์ธานี ได้แก่ ลานเทเสวียด พบว่า เกษตรกรจะเตรียมสมุดทะเบียนเกษตรกร (เล่มเขียว) หรือใช้ใบรายงานผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรมาด้วยทุกครั้งที่มาขายผลปาล์ม และนิยมขายผลปาล์มกับโรงงานสกัดที่เป็นผู้เสนอขายให้กับ กฟผ. โดยตรง เนื่องจากจะได้ราคาสูงกว่าการขายให้ลานเท แต่หากมีระยะทางไกลและผลปาล์มไม่มากก็จะขายผลปาล์มให้กับโรงสกัด ด้านบริษัทเจริญน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันปาล์มเจ้าแรกที่ กฟผ. รับซื้อก็ดำเนินการตามขั้นตอนหลังจากการรับซื้อผลปาล์มตามเงื่อนไข โดยบริษัทจะรายงานและส่งเอกสารให้พาณิชย์จังหวัด ได้แก่ บันทึกการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร สมุดทะเบียนเกษตรกร (เล่มเขียว) ใบชั่งน้ำหนัก (ซื้อขาย) สำเนาบัตรประชาชน เพื่อใช้เป็นหลักฐาน
“กฟผ. ยืนยันการดำเนินขั้นตอนต่าง ๆ ด้วยความโปร่งใส ช่วยเหลือเกษตรกรขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องชาวสวนปาล์มอย่างเต็มความสามารถ”นายพัฒนากล่าว -สำนักข่าวไทย