กรุงเทพฯ 1 ก.พ. – ฝนหลวงเร่งระดมปฏิบัติการสร้างเมฆให้มีปริมาณมากที่สุด ดูดอนุภาคแขวนลอยฝุ่นละอองในอากาศ ขึ้นบิน 2 หน่วย ขนาบฝั่งตะวันออก-ตก
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า ผลการตรวจสภาพอากาศวันนี้ที่สถานีตรวจอากาศสัตหีบ จังหวัดชลบุรีพบว่า ความชื้นสัมพัทธ์ในระดับการก่อเมฆอยู่ที่ร้อยละ 60 อยู่ในเกณฑ์ที่จะปฏิบัติการขั้นก่อกวนหรือทำให้เมฆก่อตัว ค่าดัชนากรยกตัวของอากาศอยู่ที่ -2.1 ซึ่งเป็นระดับที่มีประสิทธิภาพในการที่เมฆจะพัฒนาตัวตามแนวตั้ง หน่วยฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดระยอง จึงตัดสินใจขึ้นบินปฏิบัติการโปรยสารฝนหลวงจากทิศเหนือของอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นแนวเส้นตรงไปถึงอำเภอองค์รักษ์ จังหวัดนครนายก หากเมฆพัฒนาตัวดีตกเป็นฝนสู่พื้นที่เป้าหมาย คือ กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกและสมุทรปราการจะช่วยลดฝุ่นละอองขนาดเล็กได้มาก แต่เนื่องจากความชื้นสัมพันธ์ในอากาศระดับการพัฒนาตัวอของเมฆลดลงเหลือร้อยละ 38 จึงตั้งเป้าหมายว่าให้ก่อเมฆได้มากที่สุด เพื่อให้เม็ดน้ำในก้อนเมฆมาเกาะฝุ่นละอองที่ฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ โดยผลจากเรดาร์ตรวจอากาศเย็นวานนี้พบว่า หลังจากปฏิบัติการก่อเมฆ แล้วกระแสลมพัดพาเข้าสู่กรุงเทพมหานครแล้ว ปริมาณฝุ่นละอองที่ตรวจวัดได้ในพื้นที่ที่มีเมฆมากนั้นลดลงจากในช่วงเช้า
สำหรับที่สถานีเรดาร์อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ตรวจวัดความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศอยู่ที่ร้อยละ 56 ค่าดัชนีการยกตัวของมวลอากาศอยู่ที่ 5.4 ซึ่งไม่เอื้อต่อการก่อเมฆ โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงนครสวรรค์รับผิดชอบลดฝุ่นละอองในจังหวัดนครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี ซึ่งช่วงเช้ายังไม่ขึ้นปฏิบัติการ แต่จะติดตามตรวจสอบสภาพอากาศตลอดทั้งวัน
ส่วนที่สถานีเรดาร์เคลื่อนที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ตรวจวัดค่าความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศอยู่ที่ร้อยละ 58 ซึ่งใกล้เคียงเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ ร้อยละ 60 ค่าดัชนีการยกตัวของมวลอากาศอยู่ที่ -3 อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงนครสวรรค์จึงตัดสินใจบินปฏิบัติการสร้างแกนเมฆบริเวณทางทิศเหนืออำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐมไปยังอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี โดยหวังผลให้เกิดเมฆฝนในจังหวัดราชบุรี นครปฐม แล้วให้กระแสลมพัดพาเข้าสู่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกหรือฝั่งธนบุรี
นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาพอากาศในฤดูหนาวมีความชื้นสัมพัทธ์อากาศต่ำ ประกอบกับมีบริเวณความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุม ทำให้อากาศอุ่นซึ่งอยู่ด้านล่าง ไม่สามารถพัดขึ้นไปได้ ดังนั้นฝุ่นละอองขนาดเล็กจึงฟุ้งกระจายไม่ลอยสู่บรรยากาศชั้นบน ทั้งนี้ กรมฝนหลวงคาดหวังว่าแม้สภาพอากาศจะไม่เอื้ออำนวยถึงขั้นทำให้เมฆกลั่นตัวตกลงมาเป็นฝน แต่ปฏิบัติการสร้างเมฆให้มีกลุ่มเมฆมากที่สุดเท่าที่จะทำได้จะช่วยให้เม็ดน้ำในอากาศมาจับตัวกับฝุ่นที่แขวนลอยอยู่ ทำให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพน้อยลง
“ขณะนี้กรมฝนหลวงกำลังทำวิจัยผลิตสารฝนหลวงชนิดใหม่ เพื่อให้สามารถใช้ปฏิบัติการได้ แม้ในสภาพที่มีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศต่ำ สารฝนหลวงที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้มีศักยภาพดูดความชื้นได้เป็นอย่างดี โอกาสที่จะทำฝนหลวงในสภาพอากาศที่ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำจะเป็นไปได้มากขึ้น” นายสุรสีห์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
![](https://imgs.mcot.net/images//2019/02/1549007431940.jpg)