วปอ.แถลงยุทธศาสตร์ชาติ-ยุทธศาสตร์ทหาร ตั้งเป้าไทยเป็นประตูสู่เอเชีย

64หอประชุมกองทัพเรือ 1 ก.ย.-วปอ.จัดแถลงยุทธศาสตร์ชาติ-ยุทธศาสตร์ทหาร ระยะ 20 ปี พ.ศ.2560-2579 ตั้งเป้าไทยเป็นประตูสู่เอเชีย เสริมสร้างกำลังรบ ทั้งทางบก เรือ อากาศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการเเถลงยุทธศาสตร์ชาติ-ยุทธศาสตร์ทหาร ระยะ 20 ปี พ.ศ.2560-2579 ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 58 และนักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหารรุ่นที่ 57 นักศึกษาวิทยาลัยการทัพบกชุดที่ 61 นักศึกษาวิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ 58 และนักศึกษาวิทยาลัยการทัพอากาศรุ่นที่ 50 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ นักศึกษา วปอ.รุ่นที่ 58 และ 59 ร่วมงานอย่างคับคั่ง

พล.ท.ไชยอนันต์ จันทคณานุรักษ์ ผอ.วปอ. กล่าวว่า ปีนี้ จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เป็นวาระพิเศษ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อมีส่วนสำคัญในการปฏิรูปประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้นการทำยุทธศาสตร์ชาติในปีนี้จึงแตกต่างจากทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการปรับกระบวนการและขั้นตอนในโครงสร้างยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องรองรับกับภาพสถานการณ์ประเทศไทยในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยแบ่งเป็นกลุ่มยุทธศาสตร์ 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านความมั่นคง ความมั่งคั่ง คุณค่าและค่านิยม และการมีส่วนร่วมในสังคมโลก ซึ่งจะครอบคลุมวิสัยทัศน์และสอดคล้องกับแนวคิดของรัฐบาล คือ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน


ด้าน พล.ร.ต.คำรณ พิสณธ์ยุธการ ตัวแทนนักศึกษา วปอ. รุ่นที่ 58 เเถลงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ว่า ในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติในครั้งนี้ได้สร้างภาพสถานการณ์ประเทศไทย 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.ภาพสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด 2.สถานการณ์ตามที่เป็นอยู่ และ 3. สถานการณ์ที่ดีที่สุดเพื่อทำนายอนาคตประเทศไทยใน 20 ปีข้างหน้า จากนั้นจึงกำหนดเป็นความต้องการของคนในชาติ 4 ด้าน  ได้แก่ 1.ด้านความมั่นคงปลอดภัย 2.ด้านความเจริญรุ่งเรืองผาสุกมั่งคั่ง 3.ด้านการเสริมสร้างคุณค่าเกียรติยศค่านิยมความเป็นไทย และ 4.การมีส่วนร่วมและอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกในสังคมโลก โดย วปอ.ได้นำผลประโยชน์ทั้ง 4 ด้านมาเป็นตัวตั้งในการพัฒนายุทธศาสตร์ย่อย โดยได้กำหนดวิสัยทัศน์ของประเทศไทยไว้ว่า “ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างยั่งยืนภายในปี พ.ศ. 2579”  โดยประเทศไทยจะต้องเป็นประตูสู่เอเชียและหัวใจของอาเซียนให้ได้ มีการเสริมสร้างกำลังรบ ทั้งทางบก เรือ อากาศ

66ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีในด้านความมั่นคงและปลอดภัย ระบุไว้ว่า ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างยั่งยืนได้นั้น ปัจจัยสำคัญที่จะเป็นพื้นฐานที่ทำให้ทุกภาคส่วนราชการสามารถทำตามแผนงานได้ คือ ความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ที่จะเป็นเสมือนฐานรองรับ เป็นกำแพงป้องกันที่แข็งแกร่ง ดังนั้นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะต้องได้รับการปกป้อง ธำรงไว้อย่างมั่นคงถาวร การป้องกันประเทศจะต้องมีประสิทธิภาพ พร้อมเผชิญภัยคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ และต้องพึ่งพาตนเองได้ มีความรักความสามัคคีของคนภายในชาติ เป็นสังคมที่มีคุณธรรม ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น และปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องถูกขับเคลื่อนตามแผนงานและนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะต้องยุติความขัดแย้งภายใน 5 ปี และเกิดความยั่งยืนภายใน 10 ปี คือปี พ.ศ.2569

ในส่วนยุทธศาสตร์ทหาร 20 ปี กำหนดไว้ว่า กองทัพต้องการสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เสริมสร้าวงเสถียรภาพความมั่นคงด้านพลังงาน การเงินและการคลัง การเตรียมกำลังเเละใช้กำลังเพื่อการป้องปรามและการผนึกกำลังเพื่อการป้องกันประเทศ และการป้องกันเชิงรุก รวมทั้งการปฏิบัติการร่วม โดยในอนาคตประเทศไทยจะมีกองทัพไทยในรูปแบบใหม่ เริ่มต้นจากการปรับโครงสร้างกองบัญชาการร่วมกองทัพไทย ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถของศูนย์บัญชาการทางทหาร เพื่อรองรับการเชื่อมโยงและเเลกเปลี่ยนข้อมูลในส่วนต่าง ๆ ทั้งภาคพื้นดิน ทะเล อากาศ และอวกาศ รวมถึงดาวเทียมทางทหาร ในการปฏิบัติการจำเป็นจะต้องพัฒนาหลักนิยมปฏิบัติการร่วมและผสมที่เหมาะกับบทบาทของกองทัพไทยในอีก 20 ปีข้างหน้า การแสดงบทบาทต่าง ๆ ของกองทัพไทย การแสดงบทบาทต่าง ๆ ในเวทีสากล เช่น การฝึกร่วมผสมกับมิตรประเทศ การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ การเเพทย์ทหารและการรักษาความมั่นคงทางทะเล การรักษาสันติภาพ ตามกรอบของสหประชาชาติ


ในส่วนของการจัดหายุทโธปกรณ์ จำเป็นต้องดำเนินการในลักษณะพึ่งพาตนเองด้วยอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ตามแนวทางประเทศไทย 4.0 พัฒนาตัวบุคคลให้รองรับแนวทางปฏิบัติการ การพัฒนาองค์บุคคลให้รองรับแนวคิดการปฏิบัติการ โดยจัดทำโครงการศึกษาด้านยุทธศาสตร์และวิชาการทางทหาร ได้แก่ การตั้งศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ ตั้งมหาวิทยาลัยการป้องกันประเทศ และโรงเรียนเสนาธิการร่วม รวมทั้งศูนย์การฝึกทหารอาเซียนด้านต่าง ๆ โดยในส่วนของกำลังทางบก ต้องรองรับการปฏิบัติการจากมิตรประเทศ บทบาทด้านการรบ จะต้องพัฒนาและจัดระเบียบชายแดน มีกำลังเตรียมพร้อมที่มีระบบควบคุมและบังคับบัญชาที่ทันสมัย เชื่อมโยงระบบข้อมูลและข่าวกรองกับทุกเหล่าทัพ มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีขีดความสามรถ โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อลดจำนวนคนที่เข้าปฏิบัติการ และเมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤติ กรมผสมจะเป็นหน่วยดำเนินกลยุทธ์หลัก มีการยิงระดับยุทธการที่มีความเเม่นยำสูงใช้ในที่มีการปฏิบัติร่วม เชื่อมโยงกับกำลังทางอากาศเพื่อโจมตีเป้าหมาย

65ส่วนบทบาทที่ไม่ใช่การรบ จะมุ่งเน้นขีดความสามารถในการถวายความปลอดภัยและพระเกียรติของหน่วยทหารรักษาพระองค์ และการเสริมสร้างความมั่นคงร่วม รวมทั้งจัดการกำลังประชาชน ตามแนวทางผนึกกำลังป้องกันประเทศ ในขณะที่หน่วยทหารส่วนภูมิภาคต้องสามารถอำนวยการบรรเทาสาธารณภัยภายในประเทศและช่วยเหลือประชาชน โดยประสานกับกำลังในพื้นที่ ในส่วนกำลังทางเรือจะต้องพัฒนาเป็นกำลังทางเรือ 2 มหาสมุทร โดยการใช้กำลังทางเรือได้ทั้ง 2 ฝั่งอย่างสมดุล โดยไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายกำลังขนาดใหญ่ มีการวางกำลังที่มีขีดความสามารถในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจให้การคุ้มครองและช่วยเหลือเรือ รวมทั้งแหล่งผลประโยชน์ของชาติ ตลอด 24 ชม.

ส่วนกำลังทางอากาศ จะต้องมีบทบาทสำคัญในด้านการปกป้องเเละใช้ประโยชน์ทางอากาศและในมิติใหม่ในห้วงอวกาศ เพื่อสร้างการรับรู้ในการปฏิบัติการทางอากาศของต่างชาติ การตรวจการณ์ทางอวกาศ การสื่อสารและโทรคมนาคมทางอากาศ และสนับสนุนการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลางกองทัพไทย เพื่อให้เห็นภาพสถานการณ์รบร่วมกัน ทั้งในมิติทางอากาศและมิติใหม่ในห้วงอวกาศ พร้อมเพิ่มเติมปฏิบัติการสงครามไซเบอร์ สงครามเครือข่าย และการป้องกันไว้ด้วย

ส่วนการใช้กำลังทางรบ จะใช้การปฏิบัติการร่วม ทั้งกำลังทางเรือและทางบก แต่จะต้องบรรจุอากาศยานให้เพียงพอ เพื่อตอบสนองภารกิจที่ไม่ใช่การรบทั้งในและนอกประเทศ ที่สำคัญกองทัพต้องปรับโครงสร้าง มุ่งเน้นการเป็นที่พึ่งของประชาชน มียุทโธปกรณ์ปฏิบัติการร่วมที่ทันสมัย บนพื้นฐานการพึ่งพาตนเองและส่งออก สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ กำลังพลทุกคนต้องเป็นทหารอาชีพ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“มทภ.2” ชี้เขมรไว้ใจไม่ได้-ชายแดนยัง 50-50 หากปะทะพร้อมสู้

วปอ. 19 ส.ค.- “แม่ทัพภาค 2” ลั่นกลางวง วปอ. เหตุชายแดนยัง 50-50 ชี้ ‘เขมร’ ไว้ใจไม่ได้ หากปะทะพร้อมสู้ เตรียมคุย ‘อาร์บีซี’ ปลาย ส.ค.นี้ หวังคุยกันเข้าใจ ยึดผลประโยชน์ชาติ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังพิธีมอบความช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของฐานที่มั่นในการปกป้องอธิปไตย จากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รู้สึกชื่นชมและดีใจที่ประเทศชาติเราเป็นอย่างนี้ คนไทยไม่ทิ้งกัน เหตุการณ์ตลอดแนวชายแดนเกือบ 1,000 กิโลเมตร มีหลายเหตุการณ์ ลูกหลานทหารพยายามทำให้ดีที่สุด ทั้งนี้ การสูญเสียพวกเราป้องกันอย่างเข้มงวดทุกระดับชั้น แต่การเข้าตีบางอย่างเราเป็นฝ่ายรุกอาจมีเหตุที่พวกเราบาดเจ็บบ้าง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทหารทุกนายที่ได้รับผลกระทบ การปฏิบัติด้านยุทธการครั้งนี้ พระองค์ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณสิ่งของที่มอบให้ในวันนี้ จะนำไปใช้กับน้องๆ ที่อยู่หน้าแนวตามวัตถุประสงค์ ที่ทุกท่านได้มอบให้โดยด่วน ซึ่งบางครั้งงบประมาณราชการ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก รัฐบาล ได้มอบให้เพียงพอ แต่บางรายการนั้นเร่งด่วน รอการจัดหาตามช่วงเวลาไม่ทัน […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ตั้งกรรมการสอบปมหนังสือต้อนรับ “เดชอิศม์”

สงขลา 19 ส.ค. – ผู้ว่าฯ สงขลา สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหนังสือราชการมีลายเซ็นผู้ว่าฯ ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก “เดชอิศม์” ขีดเส้นแล้วเสร็จใน 30 วัน นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกคำสั่งจังหวัดสงขลา เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสื่อโซเชียลมีการเผยแพร่ภาพหนังสือราชการที่มีลายเซ็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ลงนามถึงนายอำเภอเมืองสงขลา ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวกนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการเดินทางมาราชการในพื้นที่ จนก่อให้เกิดความเสียหาย มีการตั้งข้อสังเกตวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางเสื่อมเสีย ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดสงขลา คณะกรรมการดังกล่าวมีนายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประธานกรรมการฯ ให้ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ก่อนรายงานผล พร้อมเสนอความเห็นต่อผู้สั่งแต่งตั้ง เพื่อพิจารณาสั่งการ และหากปรากฏมีการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะแต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กมหาดไทย 25 ตำแหน่ง

ทำเนียบ 19 ส.ค. – ครม.เห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” อธิบดี พช. นั่งพ่อเมืองปากน้ำ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 ส.ค. 68) กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เช่น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ยกเว้นนายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป -สำนักข่าวไทย