กรุงเทพฯ 28 ม.ค. – 5 ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกสิกรไทย เปิดแถลงวิสัยทัศน์พร้อมกันเป็นครั้งแรก ตั้งเป้าสู่ธุรกิจแบงก์ยุคใหม่ ใช้ดาต้าช่วยปล่อยกู้ 30,000 ล้านบาท สินเชื่อรายย่อยโตร้อยละ 9-12
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยประกาศเป็นแบงก์ยุคใหม่ แข็งแกร่งในประเทศและขยายสู่ต่างประเทศ เพื่อให้ทันต่อพฤติกรรมลูกค้าและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยภายใน 2 ปีข้างหน้านี้จะให้บริการคิวอาร์ โค้ดมาตรฐานไทยในประเทศ CLMV+3 สามารถสแกนชำระเงินนอกประเทศได้ และบริการร้านค้าสแกนคิวอาร์ โค้ด ของลูกค้าผู้ชำระเงิน (B Scan C) ที่จะช่วยให้การชำระเงินสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับโครงการ National Digital ID ที่ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนผ่านระบบออนไลน์ช่วยให้เปิดบัญชีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องไปแสดงตนที่สาขา การขอสินเชื่อและการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ทางออนไลน์ รวมทั้งโครงการเอทีเอ็มสีขาว (White-Label ATMs) ที่จะช่วยให้ธนาคารบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น โครงการ Thailand Blockchain Community Initiative เริ่มให้บริการด้านหนังสือค้ำประกัน (Letter of Guarantee) โดยมีสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างประเทศ 22 ธนาคาร กลุ่มภาคธุรกิจและรัฐวิสาหกิจ 7 กลุ่มเข้าร่วม คาดว่าปีนี้จะมียอดธุรกรรมประมาณ 40,000 รายการ
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยจะใช้ข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้ามาพิจารณาช่วยปล่อยกู้ (Data-Driven Lending ) โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ตั้งเป้าวงเงินสินเชื่อไว้ 30,000 ล้านบาท
นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปีนี้ธนาคารกสิกรไทยจะเชื่อมโยงลูกค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคใน CCLMVI (จีน กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และอินโดนีเซีย) ธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศกว่า 8 เท่า ภายใน 3 ปีข้างหน้า
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปีนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมร้อยละ 5-7 โดยสินเชื่อลูกค้ารายย่อยเติบโตร้อยละ 9-12 อัตราส่วนผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิร้อยละ 3.3-3.5
นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกสิกรบิซิเนส – เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวว่า ตั้งเป้าหมายการพัฒนา KBTG ไปสู่การเป็นองค์กรเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเปลี่ยนแกนเทคโนโลยีของโลกมาสู่ประเทศไทย ภายในปี 2565 โดยเริ่มจากงบลงทุนด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และบุคลากร ในปีนี้กว่า 5,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย