กรุงเทพฯ 27 ม.ค. – รมว.เกษตรฯ ยืนยันพร้อมให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมพิจารณารายละเอียดโครงการอ่างเก็บน้ำ-คลองผันน้ำ-ประตูกั้นน้ำในจังหวัดนครศรีธรรมราชและพัทลุง เชิญนักวิชาการลงพื้นที่สำรวจ พบแผนงานใดตามผลการศึกษาเดิมไม่ตรงกับข้อเท็จจริงปัจจุบันให้ภาครัฐแก้ไขได้ทันที
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึง การที่เครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุงชุมนุมหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าสู่วันที่ 3 และแสดงข้อคิดเห็นกันในที่ชุมนุม พร้อมเฟซบุ๊กไลฟ์ถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเขื่อนคลองสังข์ โครงการเขื่อนวังหีบ โครงการคลองผันน้ำเมืองนคร และโครงการประตูกั้นน้ำปากประ ซึ่งมีการใช้ถ้อยคำรุนแรง ตำหนิหน่วยงานรัฐนั้น ล่าสุดสั่งการให้ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ใช้ความอดทนและอดกลั้น ไม่ว่าจะมีการกล่าวหาด้วยถ้อยคำใดๆ ขอให้ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริงและระเบียบกฎหมาย อย่าโต้ตอบด้วยถ้อยคำหรือการกระทำที่รุนแรงอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ ย้ำว่าชาวบ้านที่เดินทางมายังมีข้อข้อสงสัยรายละเอียดและขั้นตอนการดำเนินการตามโครงการ ดังนั้นหน้าที่ของข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ คือ ชี้แจงรายละเอียดที่ชาวบ้าน รวมถึงประชาชนทั้งประเทศให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
นายกฤษฎา กล่าวถึงการที่ทางเครือข่ายระบุว่ารัฐจะเดินหน้าโครงการต่อ โดยไม่ฟังข้อท้วงติงของชาวบ้านในพื้นที่นั้น ยืนยันว่ากระทรวงเกษตรฯ ไม่ดึงดันเดินหน้าต่อ เนื่องจากเข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้สั่งการให้กรมชลประทานส่งรายละเอียดแผนงาน ผลการศึกษา และขั้นตอนต่าง ๆ ที่ดำเนินการไปแล้วรายงานมา ซึ่งแนวทางที่กรมชลประทานระบุถึงโคงการประตูกั้นน้ำปากประ จังหวัดพัทลุง ซึ่งเดิมมีข้อร้องเรียนจากชาวบ้านตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน เมื่อปี 2555 ว่าทำการเกษตรแล้วมีปัญหาน้ำเค็มรุก จึงได้กำหนดแผนป้องกัน หากชาวบ้านขอให้ยกเลิกไม่ให้มีการออกแบบโครงการใดๆ โดยระบุว่าคลองปากประไม่มีปัญหาน้ำเค็มรุกแล้ว ภาครัฐประสงค์จะลงพื้นที่ร่วมกับชาวบ้าน หากเห็นตรงกันว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องทำโครงการใด ๆ ในเวลานี้ กรมชลประทานยืนยันจะยกเลิกประตูกั้นน้ำปากประ
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการอื่น ๆ เช่นกันรัฐให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน จึงต้องการให้มาร่วมกันตั้งเป็นคณะทำงานประกอบด้วยชาวบ้าน กรมชลประทานอาจมีนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ร่วมด้วยตามที่ชาวบ้านต้องการ เมื่อมีความเห็นตรงกันว่าส่วนใดของโครงการไม่ตรงกับข้อเท็จจริงภาครัฐจะแก้ไข ส่วนใดที่ประชาชนยังเดือดร้อนเกี่ยวกับเรื่องน้ำ แต่เห็นตรงกันว่าสามารถแก้ไขปัญหาด้วยวิธีอื่นได้จะทบทวนไม่ดื้อดึงที่จะเดินหน้าตามผลการศึกษาเดิม
สำหรับเรื่องงบประมาณโครงการที่ตั้งไว้นั้น ตั้งมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทางเครือข่ายฯ ระบุว่า ตั้งงบประมาณสูงนั้น หากตั้งคณะทำงานร่วม แล้วพบว่าไม่สมควรทำโครงการขนาดใหญ่เปลี่ยนเป็นแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ งบประมาณต้องลดลงตามขนาดและปริมาณงาน เช่น โครงการอ่างเก็บน้ำวังหีบ จังหวัดพัทลุง ซึ่ง ครม. อนุมัติงบ 2,300 ล้านบาท ถ้าตรวจสอบร่วมกันแล้วปรากฏว่าแนวทางการแก้ไขจะไม่ใช่โครงการขนาดใหญ่หรือตัด /ปรับ ส่วนใดออกงบประมาณจะต้องปรับลดลงแน่นอน
“กระทรวงเกษตรฯ ยินดีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วม หากชาวบ้านร่วมกับภาครัฐเพื่อสำรวจพื้นที่ตามแผนการดำเนินงานอย่างละเอียด แล้วพบว่ามีส่วนใดไม่ถูกต้องสามารถชี้ให้ภาครัฐแก้ไขได้ทันที” นายกฤษฎา กล่าว
ด้านนายเจกะพันธ์ พรหมมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุง กล่าวว่า ได้รับทราบนโยบายของรัฐมนตรีเกษตรฯ แล้ว ซึ่งจะได้นำมาหารือกัน
ส่วนนายประสิทธิ์ชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ กล่าวว่า ประมาณ 10.00 น.วันนี้จะมีการประกาศแถลงการณ์เกี่ยวกับแนวทางการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ ยังจะมีชาวบ้านจากภาคใต้เดินทางมาสมทบอีก โดยยืนยันจะเคลื่อนตัวไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้.-สำนักข่าวไทย