กลุ่มผู้ค้าน 4 โครงการแก้ไขปัญหาน้ำยืนยันต้องยุติการสร้าง

กรุงเทพฯ 26 ม.ค.-เครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุงที่ชุมนุมด้านหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรียกร้องให้ยุติการสร้างเขื่อน-คลองผันน้ำ-ประตูกั้นน้ำ 4 แห่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชและพัทลุง


นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล ผู้แทนเครือข่ายเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุง กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (25 ม.ค.) ได้ยื่นหนังสือเพื่อรียกร้องให้ยุติการสร้างเขื่อน-คลองผันน้ำ-ประตูกั้นน้ำ 4 แห่งในทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดพัทลุงคือ โครงการประตูกั้นน้ำปากประ จังหวัดพัทลุง โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ โครงการอ่างเก็บน้ำวังหีบ และโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช ถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนายมีศักดิ์ ภักดีคง รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ และนายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน ร่วมรับฟังข้อร้องเรียนและรับหนังสือขอให้เรียกร้องให้ยุติทั้ง 4 โครงการ ซึ่งนายมีศักดิ์ได้รับหนังสือร้องเรียนไป โดยระบุว่าจะนำไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่รองอธิบดีกรมชลประทานยังคงยืนยันว่า จำเป็นต้องดำเนินโครงการต่อไป แต่พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะในการปรับรายละเอียดโครงการก่อสร้าง โดยไม่ได้ชี้แจงถึงข้อมูลผลการสำรวจพื้นที่และข้อมูลทางวิชาการ ตลอดจนผลการศึกษาผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมต่อชาวบ้านแต่อย่างใด 

ทั้งนี้ กลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาชุมนุม ยืนยันว่ารัฐต้องระงับการดำเนินโครงการก่อน ชาวบ้านจึงจะร่วมหารือแนวทางพัฒนาลุ่มน้ำ โดยจะให้เวลาถึงช่วงบ่ายวันนี้ (26 ม.ค.) หากยังคงยืนยันเดินหน้าโครงการเช่นเดิม จะยกระดับการเคลื่อนไหว โดยในวันนี้และพรุ่งนี้ (27 ม.ค.) จะมีชาวบ้านเดินทางมาสมทบ


นายประสิทธิ์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้จะรอฟังคำชี้แจงจากกรมชลประทาน ตามที่ได้ส่งหนังสือเรียกร้องให้ยุติการดำเนินการก่อสร้างเขื่อน-คลองผันน้ำ-ประตูกั้นน้ำ 4 แห่งในทั้ง 2 จังหวัด และทางเครือข่ายฯ มองว่า การยื่นฟ้องศาลปกครองอาจได้เพียงคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับโครงการ แต่สิ่งที่ต้องการคือ ให้ครม. มีมติยกเลิกโครงการโครงการเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง  จ.พัทลุงและโครงการคลองผันน้ำเมืองนคร จ.นครศรีธรรมราชซึ่งครม. ได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อนหน้านี้ ส่วนโครงการเขื่อนคลองสังข์ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราชและโครงการประตูกั้นน้ำปากประ จังหวัดพัทลุงซึ่งยังไม่มีมติครม. ดังนั้นกรมชลประทานสมควรทำหนังสือยุติโครงการทันที

ทั้งนี้ทางเครือข่ายเห็นว่า ปัญหาอุทกภัยซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญในใช้อ้างอิงในการดำเนินโครงการนั้น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกที่ เมื่อมีฝนตกหนัก แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศของภาคใต้ซึ่งเป็นที่ลาด อีกทั้งมีทางออกสู่ทะเล ไม่ได้ทำให้น้ำท่วมขังนาน ไม่จำเป็นต้องแก้ปัญหาด้วยการใช้งบประมาณมหาศาลทำเขื่อนหรือโครงการขนาดใหญ่ซึ่งจากข้อมูล ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่รัฐบาลสามารถแก้ปัญหาและพัฒนาแหล่งน้ำโดยไม่ต้องใช้โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ได้ แล้วหันไปแก้ปัญหาโดยจัดผังเมือง กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเช่น สะพานหรือถนนที่ขวางทางระบายน้ำออกสู่ทะเล ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิตชุมชน และในเวลา 10.00 น. เครือข่ายจะประกาศแถลงการณ์การณ์เรียกร้องให้ยุติทั้ง 4 โครงการ

นายเจกะพันธ์ พรหมมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุง กล่าวว่า ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง  จ.พัทลุงซึ่งครม. อนุมัติให้ดำเนินโครงการนั้น ได้เดินทางมาเพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีให้ยุติโครงการดังกล่าวเนื่องจากข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาอนุมัตินั้น ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง  โครงการที่ออกมาโดยระบุว่า เพื่อสนับสนุนน้ำเพื่อการเกษตรนั้น ปัจจุบันสภาพพื้นที่ได้เปลี่ยนแปลงไป เดิมประชาชนประกอบอาชีพทำนา แล้วประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจึงมีผู้ทำหนังสือถึงหน่วยงานรัฐให้ช่วยเหลือ แต่จนถึงปัจจุบัน ผืนนากลายเป็นสวนยางพาราหมดแล้ว ไม่ได้ประสบปัญหาน้ำไม่เพียงพอเหมือนในอดีต ส่วนวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันน้ำท่วมนั้นสืบเนื่องจากในปี 2531 มีน้ำท่วมใหญ่ที่อำเภอพิปูนและกะทูน แต่ที่ระบุว่า จำเป็นต้องสร้างเพื่อป้องกันน้ำท่วมตัวเมืองทุ่งสงนั้น ชาวบ้านเห็นว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันเนื่องจากคลองวังหีบห่างจากตัวเมืองทุ่งสง 4 กิโลเมตร อีกทั้งยังมีเนินกั้นระหว่างเมืองทุ่งสงกับคลองวังหีบ น้ำจึงไม่สามารถไปท่วมเมืองทุ่งสงได้ สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการผลิตน้ำประปา ข้อเท็จจริงนั้น สำหรับการทำน้ำประปานั้นปัจจุบันใช้น้ำอีก 2 สายเกินพอสำหรับทำน้ำประปา พื้นที่ที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำวังหีบ ห่างจากเมืองทุ่งสง 17 กิโลเมตร ความจุ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร งบประมาณก่อสร้าง 2,300 ล้านบาท ชาวบ้านประเมินค่าลงทุนสำหรับผลิตน้ำประปาอยู่ที่ 115 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งไม่คุ้มค่าแน่นอน  อีกทั้งพื้นที่วังหีบมีผืนป่าต้นน้ำชั้น 1 A ซึ่งมีเหลือน้อยมากในประเทศไทย  หากก่อสร้างอ่างเก็บน้ำจะทำลายผืนป่า ชาวบ้านจึงคัดค้านอย่างเต็มที่  ทั้งนี้รอคำชี้แจงจากทั้งกรมชลประทานซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดำเนินโครงการและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบแผนบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ หากไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ในวันจันทร์นี้(28 ม.ค.)กลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนย้ายจากหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีให้ยุติโครงการทั้งหมด


 นายเจกะพันธ์ ยังกล่าวถึงแถลงการณ์ของนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสทนช. ซึ่งชี้แจงแนวทางบริหารจัดการน้ำภาคใต้นำเสนอต่อเครือข่ายฯ ว่า ทางเครือข่ายฯ และชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง  จ.พัทลุงอ่านแล้วเห็นว่า สทนช. ซึ่งทำหน้าที่วางแผนบริหารจัดการน้ำของประเทศนั้น มีแนวทางชัดเจนที่จะทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่าง ๆ เพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมคือ เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ซึ่งครม. อนุมัติให้ดำเนินโครงการในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ฝั่งอ่าวไทยได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา ส่วนฝั่งอันดามันได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล นอกจากนี้ยังพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อสนับสนุนการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมนาบอน อำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งอยู่ติดกับอำเภอวังหีบ โดยเฉพาะข้อความในช่วงท้ายของแถลงการณ์ที่ระบุว่า หน่วยงานต่างๆ ต้องดำเนินการขับเคลื่อนโครงการตามที่กฎหมายและระเบียบกำหนดไว้ทุกขั้นตอน แสดงว่า สทนช. ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นหรือพิจารณาถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่ที่จะต้องโยกย้ายถิ่นฐานจากการทำโครงการดังกล่าว รวมถึงไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศ โดยเฉพาะป่าต้นน้ำชั้น 1 A ในอำเภอวังหีบ

ในระหว่างการชุมนุมมีการปราศรัยในกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมทั้งทำเฟซบุ๊กไลฟ์เพื่อชี้แจงต่อประชาชนในพื้นที่และผู้สนใจให้รับทราบถึงเหตุผลที่เรียกร้องให้ยุติโครงการ ซึ่งมีสาระสำคัญตามหนังสือที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี คือ โครงการเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง จ.พัทลุง ที่ระบุว่าเพื่อป้องกันน้ำท่วมเมืองทุ่งสง เพื่อการผลิตน้ำประปา เพื่อการเกษตร แต่ข้อเท็จจริงนั้น คลองวังหีบไม่ได้ผ่านเมืองทุ่งสง สำหรับการทำน้ำประปานั้น ปัจจุบันใช้น้ำอีก 2 สายเชื่อว่ามีปริมาณน้ำเกินพอสำหรับทำน้ำประปา และสำหรับการปลูกพืชได้เปลี่ยนแปลงสภาพไปหมดแล้ว จึงขอให้ศึกษาแนวทางอื่นสำหรับการแก้ปัญหา โดยไม่กระทบต่อชีวิตของประชาชนและระบบนิเวศ การสร้างเขื่อนไม่ได้ช่วยลดผลกระทบจากน้ำท่วม/น้ำแล้ง ส่วนการแก้ปัญหาน้ำเพื่อการเกษตร สามารถออกแบบระบบชลประทานขนาดเล็กโดยไม่เปลี่ยนแปลงระบบนิเวศของสายน้ำเดิม

โครงการเขื่อนคลองสังข์ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ที่รัฐระบุว่าเพื่อการป้องกันน้ำท่วมอำเภอทุ่งใหญ่ และเพื่อการเกษตร เป็นเหตุผลเดียวกันกับการสร้างเขื่อนวังหีบ โดยจะสร้างเขื่อน เป็นการแก้ปัญหาที่ละเลยต้นเหตุ 

โครงการคลองผันน้ำเมืองนคร จ.นครศรีธรรมราช ที่ระบุว่า เพื่อการป้องกันน้ำท่วมเมืองนคร โดยแท้ที่จริงแล้วสาเหตุหลักของน้ำท่วมเขตเทศบาลนครศรีธรรมราช เกิดจากการปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำ การสร้างถนนขวางทางน้ำ การวางระบบผังเมืองผิดพลาด เป็นต้น กลุ่มผู้คัดค้านเห็นว่า การสร้างคลองผันน้ำแก้ปัญหาได้เพียงเล็กน้อย แต่ใช้งบประมาณเกือบ 10,000 ล้านบาท ในขณะที่ต้องไล่รื้อเวนคืนที่ดิน ทำให้คนไร้ที่อยู่ พรากคนจากแผ่นดินเกิด จำนวนมาก ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จึงขอให้แก้ไขถนนที่ขวางทางน้ำ แก้ไขระบบระบายน้ำ ปรับปรุงขุดลอกคลองในเมืองให้มีประสิทธิภาพในการระบายน้ำ ปรับปรุงท่อระบายน้ำ เข้มงวดกับการก่อสร้างที่นำไปสู่การขวางทางน้ำ

ส่วนโครงการประตูกั้นน้ำปากประ จังหวัดพัทลุง ที่ ระบุว่าเพื่อป้องกันน้ำเค็มเข้าสู่คลองปากประ โดยข้อเท็จจริงนั้น ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา มีน้ำเค็มรุกล้ำเข้ามาเพียงครั้งเดียวและไม่ได้ก่อความเดือดร้อนขั้นร้ายแรงต่อประชาชน  การสร้างประตูกั้นน้ำ จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศแหล่งน้ำ 3 แหล่ง จึงขอให้ยกเลิกโครงการ

ในที่ชุมนุมของกลุ่มผู้คัดค้านยังระบุถึง บทบาทของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ซึ่งปัจจุบันมีหน้าที่ดูแลการบริหารจัดการน้ำทั้งหมดของประเทศ โดยมีนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เป็นเลขาธิการฯ กำกับดูแลโดยพลเอกฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 61 ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช รวมทั้งเป็นสักขีพยานในการมอบค่าชดเชยที่ดินให้แก่ชาวบ้าน 9 รายที่สละที่ดินให้การก่อสร้างโครงการดังกล่าวว่า 

ดังนั้น ในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลและเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ต้องมารับฟังปัญหาจากกลุ่มผู้คัดค้าน รวมทั้งศึกษาแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำในรูปแบบที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิต  ฉะนั้นในวันจันทร์ที่ 29 มกราคม 62 จะแบ่งกลุ่มเดินทางไปยื่นข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการ สทนช.เพื่อชี้แจงว่า ทางเลือกการจัดการน้ำที่ไม่ทำลายระบบนิเวศและชีวิตของประชาชนยังมีอีกมากมายหลายทาง หากรัฐบาลสนใจประเมินผลเชิงยุทธศาสตร์เพื่อสร้างทางเลือกการจัดการน้ำที่ดีที่สุด โดยไม่ใช้วิธีคิดเดียวคือการสร้างเขื่อน ขุดคลอง ที่ก่อเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ อย่างร้ายแรง  ทั้งนี้ เครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุง รัฐบาลต้องยกเลิกโครงการทั้ง 4 โครงการ และออกแบบการแก้ปัญหาใหม่ตามข้อเสนอแนะของภาคประชาชน ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณของรัฐบาล ไม่ทำร้ายประชาชน และเป็นการรักษาระบบนิเวศที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดให้อยู่คู่กับแผ่นดินต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่า นครศรีธรรมราช-พัทลุงได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์เจตนารมณ์การชุมนุมหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ตามที่เครือข่ายฯได้มาปักหลักชุมนุมตั้งแต่วันที่ 25 มค.62 โดยมีเครือข่ายเข้าร่วม 4 พื้นที่ กว่า 200 คน เมื่อวานเดินขบวนมาจากหัวลำโพง จากนั้นเข้าพบเจรจากับนายมีศักดิ์ ภักดีคง รองปลัดกระทรวงเกษตร และรองอธิบดีกรมชลประทานอีก 2 คน ผลการหารือปรากฏว่า ที่ประชุมไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อเรียกร้องของเครือข่ายมากนัก โดยระบุโครงการทั้ง 4 โครงการจัดทำขึ้นจากความเดือดร้อนประชาชน ทำตามรัฐธรรมนูญและระเบียบราชการ อีกทั้งยังให้หน่วยงานในสังกัดและจังหวัดเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่และแนะนำให้ประชาชนฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ทางเครือข่ายฯ ขอย้ำว่า จากนี้เป็นต้นไปจะไม่เจรจากับกรมชลประทานอีก และนับจากนี้ไปการดำเนินการใดๆ ของกรมชลประทานและกระทรวงเกษตรฯ นั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบ

ผู้ประสานงานเครือข่ายระบุว่า ท่าทีของภาครัฐที่มีต่อชาวบ้านเป็นท่าทีที่เปรียบได้ว่า เป็นการดับเครื่องชน ทั้งนี้ในวันอาทิตย์ที่ 27 มค.62 ทางเครือข่ายฯ ขอเรียกร้องต่อประชาชนทั่วประเทศได้ออกมาร่วมปกป้อง ดินน้ำป่า กับทางเครือข่าย เพราะมีเพียงอำนาจประชาชนเท่านั้น ที่จะปกป้องทรัพยากรธรรมชาติไว้ได้ โดยขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรม รวมพลคนรักดินน้ำป่า ประเทศไทย ครั้งที่ 1 หน้าสำนักงาน สปก.ในวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป สำหรับการยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป อยู่ระหว่างเตรียมการณ์ และในวันพรุ่งนี้จะมีชาวบ้านที่เดือดร้อนจากทั้ง 2 จังหวัดมาสมทบ-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” สีหน้ายิ้มแย้ม เครื่องบินส่วนตัวแลนดิ้งดอนเมือง

ดอนเมือง 8 ก.ย.-เครื่องบินส่วนตัว “ทักษิณ” แลนดิ้งเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ โดย “ทักษิณ” มีใบหน้ายิ้มแย้ม ขณะมาขึ้นรถที่จอดรอหน้าอาคารผู้โดยสาร 8 ก.ย.68 บริเวณทางเข้าออกลานจอดเครื่องบินส่วนบุคคล ท่าอากาศยานดอนเมือง พบสื่อมวลชนเดินทางมาติดตามบรรยากาศเดินทางกลับของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังได้รับแจ้งข้อมูลเรดาร์เครื่องบินส่วนตัวรุ่น Bombardier Global 7500 ออกเดินทางจากสนามบินเซเลตาร์ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเมื่อเวลาประมาณ 14.54 น. ที่ผ่านมา เครื่องบินส่วนตัวของนายทักษิณ ลงจอดบริเวณสนามบินส่วนตัว ประเทศไทย เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศฝนตกหนัก ขณะที่นายทักษิณ เดินออกมาขึ้นรถที่จอดรอหน้าอาคารผู้โดยสาร ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า ก่อนจะขึ้นรถเบนซ์แล่นออกจากสนามบินไป พร้อมกับรถยนต์และรถตู้อีกคัน ทั้งนี้ มีรายงานว่า เครื่องบินส่วนตัวของนายทักษิณ มีผู้โดยสารเดินทางมา 6 คน โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของนายทักษิณ ซึ่งเป็นภรรยาของนายสมชาย ร่วมเดินทางมาด้วย พร้อมกับผู้ติดตาม.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน 1” คนการเมืองส่งรายชื่อครบแล้ว

พรรคภูมิใจไทย 8 ก.ย.- โผ ครม. “อนุทิน 1” คนการเมืองส่งรายชื่อครบแล้ว “บวรศักดิ์” นั่งรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ด้าน “ไผ่ ลิกค์-สัมพันธ์” หลุดโผ กล้าธรรมดัน “นเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ-อามินทร์” เสียบแทน รอลุ้นตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน หากสะดุดต้องหลีกทางทันที ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าการจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 ว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (8 ก.ย.) ได้รับการตอบรับจากนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีชื่อนั่งในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ซึ่งมีรายงานว่า ช่วงบ่ายที่ผ่านมาคุยกันลงตัวแล้ว โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับนายบวรศักดิ์ ด้วยตัวเอง สำหรับการจัด ครม.ครั้งนี้ มีการใช้รัฐมนตรีคนนอกถึง 6 กระทรวง คือ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงยุติธรรม […]

“แพทองธาร” บอก “ทักษิณ” กลับแน่ เผยส่งข้อความยินดี “อนุทิน” ตั้งแต่วันแรก

พรรคเพื่อไทย 8 ก.ย.- “แพทองธาร” เข้าพรรคเพื่อไทย บอก “ทักษิณ” กลับแน่ เผยส่งข้อความแสดงความยินดี “อนุทิน” นั่งนายกตั้งแต่วันแรก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยได้ทักทายสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าสบายดีหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ยิ้ม ก่อนกล่าวว่า สบายดีค่ะ เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยวันนี้ (8 ก.ย.) หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ถามกลับว่า วันนี้หรือเดี๋ยวรอดูแล้วกัน แต่ว่ากลับมาแน่นอน เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร จะไปรอรับด้วยตัวเองหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงไม่ได้ไปรับ พอดีวันนี้ติดงานตอนบ่ายจึงไม่ได้ไป เมื่อถามว่า ตอนนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูลนายกรัฐมนตรี ได้เป็นนายกฯ มีอะไรฝากถึงหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ได้ส่งข้อความไปยินดีเรียบร้อยแล้ว ส่งตั้งแต่วันแรกเลย ส่วนวันนี้ที่เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยมีประชุมอะไรหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และขึ้นด้านบนอาคารทันที .-316 […]

จันทรุปราคา

ชาวตรังแห่ชม จันทรุปราคาเต็มดวง ที่หอนาฬิกา ท่ามกลางฝนโปรยปราย

ตรัง 8 ก.ย.- ชาวตรังตื่นตา ชมปรากฏการณ์ จันทรุปราคาเต็มดวง ที่หอนาฬิกา ท่ามกลางฝนโปรยปราย เมื่อคืนที่ผ่านมา ค่ำคืนวันที่ 7 กันยายน 2568 ชาวตรังรวมตัวกันที่ จัตุรัสนครตรัง บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาตรัง ถนนวิเศษกุล ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง เพื่อเฝ้าชมปรากฏการณ์ จันทรุปราคาเต็มดวง ที่เกิดขึ้นระหว่างเวลา 00.31 – 01.53 น. บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก แม้มีฝนโปรยปรายลงมาบางช่วง แต่ประชาชนไม่พลาดเก็บภาพความสวยงามของพระจันทร์สีแดงอิฐ พร้อมกันนี้ ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ได้จัดกำลังดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างใกล้ชิด คืนวันที่ 7 กันยายน 2568 ท้องฟ้าเหนือจังหวัดตรัง ปรากฏการณ์ จันทรุปราคาเต็มดวง สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับประชาชนชาวตรัง โดยเฉพาะที่ จัตุรัสนครตรัง บริเวณสี่แยกหอนาฬิกา ถนนวิเศษกุล ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง มีประชาชนออกมาเฝ้าชมและบันทึกภาพพระจันทร์ที่ถูกเงาโลกบังจนกลายเป็นดวงจันทร์สีแดงอิฐ สวยงามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ช่วงเวลาสำคัญเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 00.31 น. ซึ่งเป็นจังหวะที่พระจันทร์ถูกเงาโลกบังทั้งดวง มองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า […]