กลุ่มผู้ค้าน 4 โครงการแก้ไขปัญหาน้ำยืนยันต้องยุติการสร้าง

กรุงเทพฯ 26 ม.ค.-เครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุงที่ชุมนุมด้านหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรียกร้องให้ยุติการสร้างเขื่อน-คลองผันน้ำ-ประตูกั้นน้ำ 4 แห่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชและพัทลุง


นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล ผู้แทนเครือข่ายเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุง กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (25 ม.ค.) ได้ยื่นหนังสือเพื่อรียกร้องให้ยุติการสร้างเขื่อน-คลองผันน้ำ-ประตูกั้นน้ำ 4 แห่งในทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดพัทลุงคือ โครงการประตูกั้นน้ำปากประ จังหวัดพัทลุง โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ โครงการอ่างเก็บน้ำวังหีบ และโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช ถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนายมีศักดิ์ ภักดีคง รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ และนายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน ร่วมรับฟังข้อร้องเรียนและรับหนังสือขอให้เรียกร้องให้ยุติทั้ง 4 โครงการ ซึ่งนายมีศักดิ์ได้รับหนังสือร้องเรียนไป โดยระบุว่าจะนำไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่รองอธิบดีกรมชลประทานยังคงยืนยันว่า จำเป็นต้องดำเนินโครงการต่อไป แต่พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะในการปรับรายละเอียดโครงการก่อสร้าง โดยไม่ได้ชี้แจงถึงข้อมูลผลการสำรวจพื้นที่และข้อมูลทางวิชาการ ตลอดจนผลการศึกษาผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมต่อชาวบ้านแต่อย่างใด 

ทั้งนี้ กลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาชุมนุม ยืนยันว่ารัฐต้องระงับการดำเนินโครงการก่อน ชาวบ้านจึงจะร่วมหารือแนวทางพัฒนาลุ่มน้ำ โดยจะให้เวลาถึงช่วงบ่ายวันนี้ (26 ม.ค.) หากยังคงยืนยันเดินหน้าโครงการเช่นเดิม จะยกระดับการเคลื่อนไหว โดยในวันนี้และพรุ่งนี้ (27 ม.ค.) จะมีชาวบ้านเดินทางมาสมทบ


นายประสิทธิ์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้จะรอฟังคำชี้แจงจากกรมชลประทาน ตามที่ได้ส่งหนังสือเรียกร้องให้ยุติการดำเนินการก่อสร้างเขื่อน-คลองผันน้ำ-ประตูกั้นน้ำ 4 แห่งในทั้ง 2 จังหวัด และทางเครือข่ายฯ มองว่า การยื่นฟ้องศาลปกครองอาจได้เพียงคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับโครงการ แต่สิ่งที่ต้องการคือ ให้ครม. มีมติยกเลิกโครงการโครงการเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง  จ.พัทลุงและโครงการคลองผันน้ำเมืองนคร จ.นครศรีธรรมราชซึ่งครม. ได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อนหน้านี้ ส่วนโครงการเขื่อนคลองสังข์ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราชและโครงการประตูกั้นน้ำปากประ จังหวัดพัทลุงซึ่งยังไม่มีมติครม. ดังนั้นกรมชลประทานสมควรทำหนังสือยุติโครงการทันที

ทั้งนี้ทางเครือข่ายเห็นว่า ปัญหาอุทกภัยซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญในใช้อ้างอิงในการดำเนินโครงการนั้น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกที่ เมื่อมีฝนตกหนัก แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศของภาคใต้ซึ่งเป็นที่ลาด อีกทั้งมีทางออกสู่ทะเล ไม่ได้ทำให้น้ำท่วมขังนาน ไม่จำเป็นต้องแก้ปัญหาด้วยการใช้งบประมาณมหาศาลทำเขื่อนหรือโครงการขนาดใหญ่ซึ่งจากข้อมูล ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่รัฐบาลสามารถแก้ปัญหาและพัฒนาแหล่งน้ำโดยไม่ต้องใช้โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ได้ แล้วหันไปแก้ปัญหาโดยจัดผังเมือง กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเช่น สะพานหรือถนนที่ขวางทางระบายน้ำออกสู่ทะเล ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิตชุมชน และในเวลา 10.00 น. เครือข่ายจะประกาศแถลงการณ์การณ์เรียกร้องให้ยุติทั้ง 4 โครงการ

นายเจกะพันธ์ พรหมมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุง กล่าวว่า ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง  จ.พัทลุงซึ่งครม. อนุมัติให้ดำเนินโครงการนั้น ได้เดินทางมาเพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีให้ยุติโครงการดังกล่าวเนื่องจากข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาอนุมัตินั้น ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง  โครงการที่ออกมาโดยระบุว่า เพื่อสนับสนุนน้ำเพื่อการเกษตรนั้น ปัจจุบันสภาพพื้นที่ได้เปลี่ยนแปลงไป เดิมประชาชนประกอบอาชีพทำนา แล้วประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจึงมีผู้ทำหนังสือถึงหน่วยงานรัฐให้ช่วยเหลือ แต่จนถึงปัจจุบัน ผืนนากลายเป็นสวนยางพาราหมดแล้ว ไม่ได้ประสบปัญหาน้ำไม่เพียงพอเหมือนในอดีต ส่วนวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันน้ำท่วมนั้นสืบเนื่องจากในปี 2531 มีน้ำท่วมใหญ่ที่อำเภอพิปูนและกะทูน แต่ที่ระบุว่า จำเป็นต้องสร้างเพื่อป้องกันน้ำท่วมตัวเมืองทุ่งสงนั้น ชาวบ้านเห็นว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันเนื่องจากคลองวังหีบห่างจากตัวเมืองทุ่งสง 4 กิโลเมตร อีกทั้งยังมีเนินกั้นระหว่างเมืองทุ่งสงกับคลองวังหีบ น้ำจึงไม่สามารถไปท่วมเมืองทุ่งสงได้ สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการผลิตน้ำประปา ข้อเท็จจริงนั้น สำหรับการทำน้ำประปานั้นปัจจุบันใช้น้ำอีก 2 สายเกินพอสำหรับทำน้ำประปา พื้นที่ที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำวังหีบ ห่างจากเมืองทุ่งสง 17 กิโลเมตร ความจุ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร งบประมาณก่อสร้าง 2,300 ล้านบาท ชาวบ้านประเมินค่าลงทุนสำหรับผลิตน้ำประปาอยู่ที่ 115 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งไม่คุ้มค่าแน่นอน  อีกทั้งพื้นที่วังหีบมีผืนป่าต้นน้ำชั้น 1 A ซึ่งมีเหลือน้อยมากในประเทศไทย  หากก่อสร้างอ่างเก็บน้ำจะทำลายผืนป่า ชาวบ้านจึงคัดค้านอย่างเต็มที่  ทั้งนี้รอคำชี้แจงจากทั้งกรมชลประทานซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดำเนินโครงการและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบแผนบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ หากไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ในวันจันทร์นี้(28 ม.ค.)กลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนย้ายจากหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีให้ยุติโครงการทั้งหมด


 นายเจกะพันธ์ ยังกล่าวถึงแถลงการณ์ของนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสทนช. ซึ่งชี้แจงแนวทางบริหารจัดการน้ำภาคใต้นำเสนอต่อเครือข่ายฯ ว่า ทางเครือข่ายฯ และชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง  จ.พัทลุงอ่านแล้วเห็นว่า สทนช. ซึ่งทำหน้าที่วางแผนบริหารจัดการน้ำของประเทศนั้น มีแนวทางชัดเจนที่จะทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่าง ๆ เพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมคือ เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ซึ่งครม. อนุมัติให้ดำเนินโครงการในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ฝั่งอ่าวไทยได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา ส่วนฝั่งอันดามันได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล นอกจากนี้ยังพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อสนับสนุนการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมนาบอน อำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งอยู่ติดกับอำเภอวังหีบ โดยเฉพาะข้อความในช่วงท้ายของแถลงการณ์ที่ระบุว่า หน่วยงานต่างๆ ต้องดำเนินการขับเคลื่อนโครงการตามที่กฎหมายและระเบียบกำหนดไว้ทุกขั้นตอน แสดงว่า สทนช. ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นหรือพิจารณาถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่ที่จะต้องโยกย้ายถิ่นฐานจากการทำโครงการดังกล่าว รวมถึงไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศ โดยเฉพาะป่าต้นน้ำชั้น 1 A ในอำเภอวังหีบ

ในระหว่างการชุมนุมมีการปราศรัยในกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมทั้งทำเฟซบุ๊กไลฟ์เพื่อชี้แจงต่อประชาชนในพื้นที่และผู้สนใจให้รับทราบถึงเหตุผลที่เรียกร้องให้ยุติโครงการ ซึ่งมีสาระสำคัญตามหนังสือที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี คือ โครงการเขื่อนวังหีบ อ.ทุ่งสง จ.พัทลุง ที่ระบุว่าเพื่อป้องกันน้ำท่วมเมืองทุ่งสง เพื่อการผลิตน้ำประปา เพื่อการเกษตร แต่ข้อเท็จจริงนั้น คลองวังหีบไม่ได้ผ่านเมืองทุ่งสง สำหรับการทำน้ำประปานั้น ปัจจุบันใช้น้ำอีก 2 สายเชื่อว่ามีปริมาณน้ำเกินพอสำหรับทำน้ำประปา และสำหรับการปลูกพืชได้เปลี่ยนแปลงสภาพไปหมดแล้ว จึงขอให้ศึกษาแนวทางอื่นสำหรับการแก้ปัญหา โดยไม่กระทบต่อชีวิตของประชาชนและระบบนิเวศ การสร้างเขื่อนไม่ได้ช่วยลดผลกระทบจากน้ำท่วม/น้ำแล้ง ส่วนการแก้ปัญหาน้ำเพื่อการเกษตร สามารถออกแบบระบบชลประทานขนาดเล็กโดยไม่เปลี่ยนแปลงระบบนิเวศของสายน้ำเดิม

โครงการเขื่อนคลองสังข์ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ที่รัฐระบุว่าเพื่อการป้องกันน้ำท่วมอำเภอทุ่งใหญ่ และเพื่อการเกษตร เป็นเหตุผลเดียวกันกับการสร้างเขื่อนวังหีบ โดยจะสร้างเขื่อน เป็นการแก้ปัญหาที่ละเลยต้นเหตุ 

โครงการคลองผันน้ำเมืองนคร จ.นครศรีธรรมราช ที่ระบุว่า เพื่อการป้องกันน้ำท่วมเมืองนคร โดยแท้ที่จริงแล้วสาเหตุหลักของน้ำท่วมเขตเทศบาลนครศรีธรรมราช เกิดจากการปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำ การสร้างถนนขวางทางน้ำ การวางระบบผังเมืองผิดพลาด เป็นต้น กลุ่มผู้คัดค้านเห็นว่า การสร้างคลองผันน้ำแก้ปัญหาได้เพียงเล็กน้อย แต่ใช้งบประมาณเกือบ 10,000 ล้านบาท ในขณะที่ต้องไล่รื้อเวนคืนที่ดิน ทำให้คนไร้ที่อยู่ พรากคนจากแผ่นดินเกิด จำนวนมาก ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จึงขอให้แก้ไขถนนที่ขวางทางน้ำ แก้ไขระบบระบายน้ำ ปรับปรุงขุดลอกคลองในเมืองให้มีประสิทธิภาพในการระบายน้ำ ปรับปรุงท่อระบายน้ำ เข้มงวดกับการก่อสร้างที่นำไปสู่การขวางทางน้ำ

ส่วนโครงการประตูกั้นน้ำปากประ จังหวัดพัทลุง ที่ ระบุว่าเพื่อป้องกันน้ำเค็มเข้าสู่คลองปากประ โดยข้อเท็จจริงนั้น ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา มีน้ำเค็มรุกล้ำเข้ามาเพียงครั้งเดียวและไม่ได้ก่อความเดือดร้อนขั้นร้ายแรงต่อประชาชน  การสร้างประตูกั้นน้ำ จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศแหล่งน้ำ 3 แหล่ง จึงขอให้ยกเลิกโครงการ

ในที่ชุมนุมของกลุ่มผู้คัดค้านยังระบุถึง บทบาทของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ซึ่งปัจจุบันมีหน้าที่ดูแลการบริหารจัดการน้ำทั้งหมดของประเทศ โดยมีนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เป็นเลขาธิการฯ กำกับดูแลโดยพลเอกฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 61 ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช รวมทั้งเป็นสักขีพยานในการมอบค่าชดเชยที่ดินให้แก่ชาวบ้าน 9 รายที่สละที่ดินให้การก่อสร้างโครงการดังกล่าวว่า 

ดังนั้น ในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลและเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ต้องมารับฟังปัญหาจากกลุ่มผู้คัดค้าน รวมทั้งศึกษาแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำในรูปแบบที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิต  ฉะนั้นในวันจันทร์ที่ 29 มกราคม 62 จะแบ่งกลุ่มเดินทางไปยื่นข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการ สทนช.เพื่อชี้แจงว่า ทางเลือกการจัดการน้ำที่ไม่ทำลายระบบนิเวศและชีวิตของประชาชนยังมีอีกมากมายหลายทาง หากรัฐบาลสนใจประเมินผลเชิงยุทธศาสตร์เพื่อสร้างทางเลือกการจัดการน้ำที่ดีที่สุด โดยไม่ใช้วิธีคิดเดียวคือการสร้างเขื่อน ขุดคลอง ที่ก่อเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ อย่างร้ายแรง  ทั้งนี้ เครือข่ายปกป้องดินน้ำป่านครศรีธรรมราช-พัทลุง รัฐบาลต้องยกเลิกโครงการทั้ง 4 โครงการ และออกแบบการแก้ปัญหาใหม่ตามข้อเสนอแนะของภาคประชาชน ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณของรัฐบาล ไม่ทำร้ายประชาชน และเป็นการรักษาระบบนิเวศที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดให้อยู่คู่กับแผ่นดินต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องดินน้ำป่า นครศรีธรรมราช-พัทลุงได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์เจตนารมณ์การชุมนุมหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ตามที่เครือข่ายฯได้มาปักหลักชุมนุมตั้งแต่วันที่ 25 มค.62 โดยมีเครือข่ายเข้าร่วม 4 พื้นที่ กว่า 200 คน เมื่อวานเดินขบวนมาจากหัวลำโพง จากนั้นเข้าพบเจรจากับนายมีศักดิ์ ภักดีคง รองปลัดกระทรวงเกษตร และรองอธิบดีกรมชลประทานอีก 2 คน ผลการหารือปรากฏว่า ที่ประชุมไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อเรียกร้องของเครือข่ายมากนัก โดยระบุโครงการทั้ง 4 โครงการจัดทำขึ้นจากความเดือดร้อนประชาชน ทำตามรัฐธรรมนูญและระเบียบราชการ อีกทั้งยังให้หน่วยงานในสังกัดและจังหวัดเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่และแนะนำให้ประชาชนฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ทางเครือข่ายฯ ขอย้ำว่า จากนี้เป็นต้นไปจะไม่เจรจากับกรมชลประทานอีก และนับจากนี้ไปการดำเนินการใดๆ ของกรมชลประทานและกระทรวงเกษตรฯ นั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบ

ผู้ประสานงานเครือข่ายระบุว่า ท่าทีของภาครัฐที่มีต่อชาวบ้านเป็นท่าทีที่เปรียบได้ว่า เป็นการดับเครื่องชน ทั้งนี้ในวันอาทิตย์ที่ 27 มค.62 ทางเครือข่ายฯ ขอเรียกร้องต่อประชาชนทั่วประเทศได้ออกมาร่วมปกป้อง ดินน้ำป่า กับทางเครือข่าย เพราะมีเพียงอำนาจประชาชนเท่านั้น ที่จะปกป้องทรัพยากรธรรมชาติไว้ได้ โดยขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรม รวมพลคนรักดินน้ำป่า ประเทศไทย ครั้งที่ 1 หน้าสำนักงาน สปก.ในวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป สำหรับการยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป อยู่ระหว่างเตรียมการณ์ และในวันพรุ่งนี้จะมีชาวบ้านที่เดือดร้อนจากทั้ง 2 จังหวัดมาสมทบ-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน 4 จังหวัดรับมือฝนถล่ม จับตาเส้นทาง “พายุวิภา”

20 ก.ค.- กรมอุตุฯ เตือน 4 จังหวัดรับมือฝนถล่ม “จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา” จับตาเส้นทาง “พายุวิภา” คาดขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน 21-22 ก.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง อนึ่ง พายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน โดยมีศูนย์กลางอยุ่ห่างประมาณ 560 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองจ้านเจียง […]

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]