เห็นชอบเพิ่มศักยภาพของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต

78ทำเนียบฯ 2 ก.ย.- ที่ประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ เห็นชอบเพิ่มศักยภาพของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ให้ตรวจสอบองค์กรมหาชนและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวง พร้อมเพิ่มอำนาจให้ตรวจสอบเปรียบเทียบผลการดำเนินการทางวินัยของต้นสังกัดได้


พล.อ.ชาติอุดม ติตถะสิริ กรรมการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ พร้อมด้วย นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และนายมานะ นิมิตร มงคล เลขาธิการองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ร่วมแถลงผลการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2559  โดย พล.อ.ชาติอุดม กล่าวว่า ในที่ประชุมได้ติดตามงานที่ได้สั่งการไว้แล้ว รวมทั้งการนำเสนอเรื่องการเพิ่มมาตรการต่อต้านการทุจริตในระดับกระทรวง รวมทั้งการสร้างการรับรู้และการประชาสัมพันธ์เรื่องการต่อต้านการทุจริตผ่านสื่อโทรทัศน์ให้เข้าถึงประชาชน

ด้านนายประยงค์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการเพิ่มศักยภาพของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) โดยหลังจากนี้ ศปท.จะเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาการทุจริตในระดับกระทรวง ซึ่งแต่เดิม ศปท.มีอำนาจในการประสานงานติดตามในกรมต่าง ๆ สังกัดกระทรวง แต่ไม่รวมถึงองค์กรมหาชนและรัฐวิสาหกิจที่อยู่สังกัดกระทรวง จึงได้เพิ่มอำนาจของ ศปท.ให้มีหน้าที่ติดตามประสานงานองค์กรมหาชนและรัฐวิสาหกิจด้วย อีกทั้งยังเพิ่มอำนาจให้ ศปท.สามารถเข้าไปตรวจสอบ พร้อมเปรียบเทียบผลการดำเนินการทางวินัยของต้นสังกัด ในกรณีที่ ศปท.มีข้อสงสัยเรื่องการทุจริต ก็มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบว่าที่ต้นสังกัดดำเนินการนั้นถูกต้องหรือไม่ หาก ศปท.ตรวจสอบแล้วพบว่า ผลตรวจสอบไม่ตรงกันกับต้นสังกัด ก็ต้องปรับแก้คำสั่งนั้น ซึ่งกระบวนการจะคล้ายกับคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 47/2559 ให้อำนาจศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเปรียบเทียบผลการสอบสวนพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหการค้ามมนุษย์


นายประยงค์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์การแก้ไขปัญหาการทุจริตในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า สถานการณ์การทุจริตเบาบางลง กลไกภาครัฐทำงานเข้มแข็งขึ้น ถือว่าประสบผลสำเร็จ โดยมีจุดเปลี่ยน คือ การกระตุ้นให้กลไกราชการทำงานอย่างมีธรรมาภิบาล เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งเอกชนและประชาชนร่วมแก้ไขปัญหาการทุจริต จนสถานการณ์ดีขึ้น โดยหลังจากนี้ จะขับเคลื่อนงานธรรมาภิบาลภาครัฐให้เป็นรูปธรรม คือ ให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐปฏิบัติหน้าที่ในกรอบธรรมาภิบาล หากใครทำผิด ต้องดำเนินการทางวินัย หากการดำเนินงานของหน่วยงานใดส่อว่าทุจริต เมื่อเรื่องส่งมายัง ศปท.ของกระทรวง ศปท.จะส่งต่อไปยังต้นสังกัด เพื่อขอให้ดำเนินการแก้ไข โดยต้นสังกัดต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

นายประยงค์ กล่าวด้วยว่า พร้อมกันนี้ ยังต้องขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายว่า คนโกงรายเก่าต้องหมดไป คนโกงรายใหม่ต้องไม่เกิด รวมทั้งต้องไม่เปิดโอกาสให้โกง โดยขณะนี้ได้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องไปหลายฉบับ เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบการทุจริตเป็นไปโดยเร็ว และในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา มีการสร้างกลไกเพิ่มเข้ามา เพื่อป้องกันการทุจริตใหม่ นอกจากนี้ ทุกส่วนราชการยังได้สร้างเครือข่ายร่วมเฝ้าระวัง หากพบเห็นการทุจริต ก็ร้องเรียนเข้ามาได้ สิ่งที่จะดำเนินการในเร็ว ๆ นี้ คือ ศอตช.จะร่วมกับสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจ เสริมสร้างธรรมาภิบาลในรัฐวิสาหกิจ และเสริมสร้างธรรมาภิบาลใน กทม.ด้วย

ขณะที่นายมานะ กล่าวว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) เตรียมจัดงานต่อต้านคอร์รัปชั่นประจำปีนี้ ในวันที่ 11 กันยายนนี้ทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิดกรรมสนองโกง พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนตื่นตัวด้วยการเป็นพลังพลเมืองตื่นรู้ต่อต้านการโกง ร่วมเปิดไฟไล่โกงแสดงเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชั่น โดยนายกรัฐมนตรีจะร่วมปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “มาตรการจัดการการคอร์รัปชั่นของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม” ที่ท้องสนามหลวง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก