กรุงเทพ ฯ 21 ม.ค. – บลจ.กรุงไทยประเมินดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1,800 จุด จับตาสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทางออก Brexit และการเลือกตั้งในประเทศ ตั้งเป้าหมายมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเติบโตมากกว่าร้อยละ 10
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด ( มหาชน ) หรือ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 3.8 ชะลอลงจากปี 2561 ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.2 โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งหากตกลงกันไม่ได้และมีการขึ้นกำแพงภาษีจะทำให้เศรษฐกิจโลกมีผลกระทบรุนแรงมากขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการส่งออกและ การท่องเที่ยว รวมทั้งต้องติดตามข้อตกลงว่าสหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรปอย่างไร ( BREXIT) ส่วนปัจจัยในประเทศ คือ เรื่องการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีเม็ดเงินใช้จ่าย ซึ่งปกติรัฐบาลใหม่จะมีมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจไทย
ส่วนแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ 1,800 จุด ระดับราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิที่ 15 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 14 เท่า กำไรสุทธิต่อหุ้นโตร้อยละ 8 โดยคาดว่าเม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะไหลกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ ( Emerging Market ) รวมทั้งตลาดอาเซียน หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด ) ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเป้าหมายหลักในการลงทุนของต่างชาติ เพราะประเทศไทยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่สูง แม้ประเทศไทยจะมีเสถียรภาพก็ตาม โดยคาดว่าเป้าหมายแรกของต่างชาติ คือ ประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนปีนี้เน้นลงทุนในหุ้นที่มีรายได้ มีการเติบโตในประเทศ หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ได้รับประโยชน์จากมาตรการและนโยบายของรัฐบาล เช่น หุ้นในกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก นอกจากนี้ การจัดพอร์ตหุ้นปี 2562 เน้นกระจายการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลาย คัดเลือกหุ้นรายตัวที่ราคามีการปรับตัวลงมาต่ำกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน และหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีความคาดหวังการเติบโตที่สูง ซึ่งอาจมีความเสี่ยงจากการปรับลดคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต
ด้านแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั้งไทยและสหรัฐ แม้จะเป็นช่วงขาขึ้น แต่ความถี่ในการขยับขึ้นคงมีไม่มาก คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ 2 ในช่วงสิ้นปีนี้ ส่วนค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องอยู่ที่ 31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปีมีโอกาสแข็งค่าถึง 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นางชวินดา กล่าวด้วยว่า บริษัทตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริการ (AUM) ปี 2562 เติบโตมากกว่าร้อยละ 10 หรือมาอยู่ที่ 878,000 ล้านบาท จากปีก่อน 776,382 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทมีแผนเปิดจำหน่ายกองทุนใหม่ที่มีความหลากหลายมากขึ้นประมาณ 3-5 กองทุนขึ้นไป เช่น กองทุนเปิดกรุงไทย สตราทีจิก แอคทีฟ โกลบอล แอลโลเคชั่น (KT-SAGA) ซึ่งจะเปิดจำหน่ายในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ส่วนกองทุนอื่น ๆ จะเป็นกองที่รองรับความผันผวน เนื่องจากต้องการให้มีความมั่นคงในผลตอบแทนของลูกค้า
สำหรับผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมาบริษัทมี AUM เติบโตร้อยละ 8.7 สูงกว่าอุตสาหกรรมที่เติบโตร้อยละ 3.4 ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมี AUM อยู่ที่ 99,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.1 ส่วนกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 71,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.3 กองทุนรวมลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.4 จากภาวะความผันผวนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) อัตราการเติบโตใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมอยู่ที่ร้อยละ 3.8 กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 สูงกว่าอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 2.5 กองทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.2 ขณะที่อุตสาหกรรมติดลบร้อยละ 4.3.-สำนักข่าวไทย