“ภูมิธรรม” ยันเพื่อไทยยังไม่สรุปเลือกแคนดิเดตนายกฯ

กรุงเทพ 20 ม.ค.-“ภูมิธรรม” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันยังไม่ได้มีการพิจารณา เลือกแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ในนามของพรรคเพื่อไทย

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย  แถลงว่าจากกระแสข่าวที่มีการรายงานว่าภายในพรรคเพื่อไทย มีมุมมองที่แตกต่างกันในการสนับสนุนบุคคลที่จะมาเป็น แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ในนามของพรรคเพื่อไทยนั้น ว่าขอยืนยันว่าขณะนี้คณะกรรมการสรรหาตัวผู้สมัคร และคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้มีการพิจารณาประเด็นดังกล่าว และยังมิได้มีการลงมติตัดสินใจเรื่องนี้แต่อย่างใด ที่สำคัญตามรายงานข่าวที่ไม่ปรากฏแหล่งข่าวที่ชัดเจน ได้อ้างว่าการเข้ามามีบทบาท ในการกำหนดตัว ว่าที่แคนดิเดตผู้นำของพรรค ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ว่า มีอดีตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นผู้สนับสนุนและชี้นำนั้น ว่าเป็นการแสดงนัยยะซ่อนเร้นทางการเมืองเพื่อให้เกิดเงื่อนไขการโต้แย้งอันนำไปสู่การสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของสังคมต่อพรรคเพื่อไทย 

“ผมในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย จึงขอยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่มีความเป็นจริงแต่อย่างใด ตรงข้ามกลับเป็นการแสดงถึงความพยายามที่จะกล่าวหาว่าพรรคถูกครอบงำและนำไปสู่ข้อกล่าวหาเรื่องการยุบพรรคในที่สุด การสื่อสารข้อมูลดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อทำให้เกิดความสับสน แตกแยก และใช้เป็นประเด็นยั่วยุในการทำลายพรรคการเมืองที่อยู่คนละฝ่าย รวมทั้งถือเป็นการเสี้ยมเพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดการแตกแยกในพรรคเพื่อไทย” นายภูมิธรรม กล่าว   

นายภูมิธรรม กล่าวว่าแม้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะยังไม่มีความชัดเจนเรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยวันนี้เราพร้อมทั้งการเตรียม “ทีมเพื่อไทย” และนโยบาย เพื่อนำพาประเทศออกจากปัญหาต่างๆ ที่สั่งสมมานานหลายปี โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นความหวัง เป็นประตูสู่ทางออกของการแก้ไขปัญหา  

นายภูมิธรรม กล่าวว่าวันนี้พรรคเพื่อไทย ยึดเอาการรับฟังปัญหาความต้องการของประชาชน เป็นหัวใจสำคัญในการทำงานและยกระดับนโยบายให้ถูกใจและโดนใจประชาชนอีกครั้ง พวกเราทุกคนตระหนักดีว่าภารกิจนี้ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ การมีส่วนร่วมของทุกคน ที่มีหัวใจเป็นทีมเดียวกัน จึงจะสามารถนำพาสังคมไทยให้ก้าวข้ามภาวะถดถอย สิ้นหวัง และฟื้นตัวได้โดยเร็ว แม้ว่าปัจจุบัน จะมีกลุ่มผู้มีอำนาจบางคนและกลุ่มบุคคลบางฝ่าย พยายามที่จะเสี้ยมหรือสร้างข่าวเพื่อให้เกิดความแตกแยก ในพรรคเพื่อไทย  จึงไม่เชื่อว่าความพยายามดังกล่าวจะประสบความสำเร็จ ตามที่มุ่งหวัง.-สำนักข่าวไทย