เพียงครึ่งเดือนข่าวความรุนแรงในครอบครัวสูงถึง 28 ข่าว

เดอะฮอลล์ บางกอก 18 ม.ค.-มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เผยครึ่งเดือน ม.ค.62 ข่าวความรุนแรงในครอบครัวพุ่ง สูงถึง 28 ข่าว มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งเหยื่อและผู้ถูกกระทำ รวมกว่า 33 คน


มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ และคณะทำงานปกป้องเด็กและเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงทางสังคม จัดเสวนา ‘วิกฤตความสัมพันธ์ในครอบครัวสู่ฆาตกรรมและความรุนแรง’  เพื่อร่วมเฝ้าระวังสะท้อนปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและในสังคมที่เกิดขึ้น  


นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดเผยในวงเสวนาว่า  สถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น ทั้งการฆาตกรรม ฆ่ายกครัว ฆ่าหึงหวง เด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ จากข้อมูลที่มูลนิธิรวบรวมจากข่าวในครึ่งเดือนแรกของปี2562 ที่ผ่านมา พบข่าวความรุนแรงในครอบครัวสูงถึง 28 ข่าว  เป็นข่าวฆ่าคนในครอบครัว 20 ข่าว ฆ่าตัวตาย 4 ข่าว และถูกทำร้ายสาหัส 4 ข่าว  และเกือบครึ่งใช้ปืนเป็นอาวุธในการฆ่า โดยกว่าร้อยละ 41 มาจากความหึงหวง ขอคืนดีไม่สำเร็จ  ขณะที่ร้อยละ 19 เมา และเสพยา โดยจากการนำเสนอข่าวข้างต้น พบมีผู้เสียชีวิต รวมทั้งเหยื่อและผู้ถูกกระทำรวมกว่า 33 คน  และเมื่อนำมาเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 พบว่าปีนี้สูงเกือบเท่าตัว นอกจากนี้ยังพบว่า เหยื่อที่ถูกกระทำความรุนแรงเป็นผู้หญิงมากขึ้น ขณะที่เหยื่อผู้ชายมีสถิติลดลง 


สำหรับสาเหตุที่ก่อให้เกิดความรุนแรงคือเมื่อเกิดเหตุ ตำรวจกลับไม่เข้ามาจัดการ ยังคงเน้นเพียงไกล่เกลี่ยทั้งที่ควรต้องควบคุม ห้ามปราม แจ้งข้อกฎหมายให้รับทราบ จนทำให้ผู้ชายได้ใจและนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ ชุมชนไม่เข้าไปช่วยเหลือ เพราะมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว จึงทำให้ความรุนแรง ลุกลามมากขึ้น 

ขณะเดียวกันการสื่อสาร การพูดคุยในครอบครัวน้อยลงเพราะคนส่วนใหญ่หันไปใช้สื่อโซเชียลมากขึ้นจึงทำให้อารมณ์ฉุนเฉียวหงุดหงิดง่าย และจากการนำเสนอของข่าวจะเห็นว่า อาวุธที่ถูกนำมาใช้ฆ่าและฆ่าสำเร็จ คือ ปืน แต่ดูเหมือนว่า รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนิ่งเฉย ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้น เพื่อให้ปัญหาถูกแก้ไข นอกจากตำรวจที่ต้องเข้ามาดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังแล้ว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ควรตื่นตัว มีหน่วยงานเฝ้าระวัง ตั้งวอร์รูม วิเคราะห์สถานการณ์แต่ละพื้นที่ บูรณาการกับหน่วยงานทุกฝ่าย เช่น มท. สธ. ตำรวจ และหน่วยงานแจ้งเหตุ ทั้งตำรวจ และ1300 ต้องทำเร่งด่วนช่วยเหลือได้ทันที ไม่ใช่ปล่อยไว้จนเกิดเหตุสูญเสีย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก