กรุงเทพฯ 17 ม.ค. – พพ.นำคณะสื่อมวลชนศึกษาอาคารเซ็นทรัลฯ นครราชสีมา ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในภาคอีสาน ต้นแบบประหยัดพลังงาน แบบมิกส์ยูส ตามเกณฑ์มาตรฐาน BEC ระดับดีมาก ออกแบบอาคารตามหลักวิศกรรม – ภูมิสถาปัตย์ ทั้งติดตั้งอุปกรณ์ทำความเย็น-ส่องสว่าง โซลาร์รูฟท็อป 3,000 แผง เพิ่มประสิทธิภาพประหยัดพลังงานต่อพื้นที่ได้สูงถึง 69.4 %
นายโกมล บัวเกตุ ผู้อำนวยการสำนักกำกับและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า พพ. ได้นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา นครราชสีมา ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารที่ได้รับการรับรองอาคารธุรกิจ ในระดับดีมาก ที่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานการออกแบบด้านพลังงานเกณฑ์มาตรฐานอาคารด้านพลังงาน (Building Energy Code, BEC) ซึ่งเป็นที่สุดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ให้ความสำคัญในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบอาคาร การทำระบบส่องสว่าง และ การเลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ที่สามารถประหยัดพลังงานโดยรวมได้ถึง 69.4 % หรือประหยัดพลังงานในอาคาร ประมาณ 7 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง/ปี จากเดิมที่มีการใช้พลังงานของอาคารคิดเป็น ประมาณ 23ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง/ปี
“การส่งเสริมให้ภาคเอกชน โดยเฉพาะอาคารธุรกิจขนาดใหญ่มาให้ความสนใจในเรื่องการนำมาตรฐานของ BEC มาเป็นแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพ หรือการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ รวมทั้งการออกแบบ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ในด้านของต้นทุนพลังงานที่ลดลง ซึ่งที่ผ่านมา พพ. ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา ซึ่งได้รับความสนใจจากภาคเอกชนเข้ามาร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาคารศูนย์การค้า เซ็นทรัล พลาซา นครราชสีมา เป็นอีกอาคารหนึ่งที่จะเป็นต้นแบบและแนวทางของการนำไปปรับใช้เพื่อการวางระบบอาคารธุรกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” นายโกมลกล่าว
ทั้งนี้การตื่นตัวของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากฐานข้อมูลมีจำนวนอาคารกว่า 38 อาคาร ส่วนใหญ่เป็นอาคารสถานศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มีผลประหยัด 1.48 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อปี (ktoe/y) หรือ คิดเป็น 60 ล้านบาทต่อปี ซึ่ง พพ. มีเป้าหมายในการขยายผลการเข้าไปส่งเสริม ของอาคารธุรกิจอนุรักษ์พลังงานในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี 2562 ต่อเนื่อง โดยในส่วนของภาพรวมการดำเนินงานของโครงการ BEC ทั่งวประเทศ พพ.ได้จัดทำขึ้นตั้งแต่เริ่มปี 2553 – 2561 ที่ผ่านประมาณ 9 ปี มีแบบอาคารที่ส่งแบบเข้ามาตรวจรวมแล้ว 700 แห่ง มีผลประหยัด 40.57 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อปี (ktoe/y) หรือคิดเป็น 1,660 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้การดำเนินการการออกแบบอาคาร BEC ถือเป็นไปตามแผนการอนุรักษ์พลังงาน ของประเทศ หรือ EEP 2015 เพื่อให้ผลบังคับใช้ และมีผลการอนุรักษ์พลังงานทั้งระบบ ซึ่งในปีนี้จะมีการบังคับใช้กับอาคารที่ก่อสร้างใหม่ หรือ ดัดแปลง 9 ประเภทอาคาร ได้แก่ สำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า โรงมหรสพ สถานบริการ อาคารชุมนุมคน อาคารชุด และสถานศึกษา โดยเริ่มบังคับใช้กับอาคารที่มีพื้นที่ขนาดตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ขึ้นไป และบังคับใช้กับอาคารขนาด 5,000 ตารางเมตร ขึ้นไปในปี 2563 และ บังคับใช้กับอาคารตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรในปี 2564
นายเสฏฐวุฒิ ทัตสุระ ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการออกแบบอาคารเซ็นทรัล พลาซา อนุรักษ์พลังงานดังกล่าว ได้ออกแบบตามหลักวิศกรรมและภูมิสถาปัตย์ ที่เป็นโครงการมิกส์ยูส (Mixed-use) ของบริษัท ที่ใหญ่ที่สุด ประกอบด้วยศูนย์การค้า ศูนย์ประชุม โครงการที่อยู่อาศัย คอนโดมีเนียม และโรงแรม ดังนั้นปริมาณการใช้ไฟในแต่ละปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง บริษัทจึงได้มีการลงทุนในการวางระบบการบริหารจัดการด้านพลังงาน ประมาณ 3 – 5 % ของวงเงินลงทุนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่ทำความเย็นภายในอาคารที่มีประสิทธิภาพ การทำระบบส่องสว่างภายในอาคาร โดยเลือกติดตั้งกระจกโลว์อี ที่มีคุณสมบัติให้แสงสว่างกันความร้อนและป้องกันรังสีเข้าภายในอาคาร รวมถึงการใช้หลอดไฟ LED ที่ใช้พลังงานต่ำ และยังได้ออกแบบด้านข้างอาคารเป็นลานจอดรถทั้งสองด้าน เพื่อสามารถเป็นฉนวนกันความร้อนเข้ามาภายในตัวอาคารอีกด้วย
นอกจากนั้นบริษัทยังได้ลงทุนติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือ โซลาร์รูฟท็อปขนาด 1 เมกะวัตต์ จำนวน 3,000 แผง สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 4,000 หน่วย / วัน ซึ่งจะช่วยให้อาคารแห่งนี้สามารถลดใช้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าและเกิดการประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ . – สำนักข่าวไทย