สำนักงาน กกต. 11 ม.ค.- “อิทธิพร” ยอมรับ กกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย คุณสมบัติ 3 รัฐมนตรี และ 1 อดีตรัฐมนตรี ถือหุ้นสัมปทานรัฐขัดรัฐธรรมนูญ
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า กกต. ได้มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สิ้นสุดลงหรือไม่จากกรณีถือหุ้นสัมปทานรัฐ เข้าข่ายกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 186 ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา 170 วรรคสาม แต่ขอที่จะไม่เปิดเผยว่าเป็นการเห็นตามที่คณะกรรมการไต่สวนเสนอหรือไม่ และกกต.มีมติเป็นเอกฉันท์หรือเสียงข้างมาก
ประธาน กกต. กล่าวว่า ในการพิจารณา ไม่ได้มีปัญหาอะไร เป็นการพิจารณาไปตามเนื้อหา รายละเอียดทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเมื่อมีประเด็นใหม่ที่ศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งได้ตัดสินไป กกต.ก็คำนึงถึง ศาลรัฐธรรมนูญ และเหตุผลในคำวินิจฉัยนั้นด้วย อันไหนเป็นกรณีเหมือนกัน เราก็ต้องมองไปตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มองเอาไว้ กรณีไหนคล้ายกันแต่ไม่ใช่โดยแท้ ก็จะถือว่ายังไม่เกี่ยวข้อง และอาจจะเป็นประเด็นที่เราเห็นว่า ยังไม่มีบรรทัดฐานชัดเจน ก็เป็นสิ่งที่ดีกว่า ที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาด
เมื่อถามย้ำว่ากรณีนี้ข้อเท็จจริงต่างจาก กรณีการถือครองหุ้นของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยไปแล้วว่าไม่ผิด และศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยชัดเจนใช่หรือไม่ ประธานกกต.กล่าวว่า คงสรุปอย่างนั้นไม่ได้ แต่ละกรณีมีหลายประเด็น บางประเด็นก็เกี่ยวพัน หรือคล้ายกัน ส่วนระยะเวลาการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นเรื่องตามหลักปฏิบัติโดยปกติ เมื่อผ่านเป็นมติ กกต.แล้ว ทางสำนักงาน กกต.ก็ดำเนินการในขั้นตอนต่อไปโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีดังกล่าวนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นคำร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบ โดยตามคำร้องระบุว่า หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้แสดงรายการทรัพย์สินหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ว่ามีหุ้นของบริษัทท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. กว่า 6 พันหุ้น แม้จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่เหตุผลที่นายเรืองไกรอ้างในการยื่น กกต.ตรวจสอบย้อนหลังเพราะรัฐธรรมนูญ บัญญัติในลักษณะต้องห้ามของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไว้ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติ จะต้องเว้นวรรคการดำรงตำแหน่ง 2 ปี ตามมาตรา 160 ประกอบ 187
ส่วนนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คำร้องระบุถือหุ้นในบริษัท GPSC หรือบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) 9 หมื่นหุ้น ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่รวมบริษัทลูกของ ปตท. ที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ
ขณะที่นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคู่สมรส ถือหุ้นที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐโดยถือหุ้นใน บมจ. GPSC 5 หมื่นหุ้น บมจ. IRPC 2.4 แสนหุ้น บมจ ปตท. 5 พันหุ้น บมจ. พีทีที โกลบอล เคมีคอล 6 หมื่นหุ้น บมจ.ไทยออย 4 หมื่นหุ้น บมจ. กัลฟ์ เอนเนอร์จี ดีเวลลอปเมมท์ 3 แสนหุ้น บมจ.บ้านปู พาวเวอร์ หมื่นหุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้ง 2.6 หมื่นหุ้น
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ถือหุ้นสัมปทาน SCG ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 5 พันหุ้น.-สำนักข่าวไทย