น้ำใจไทยร่วมบริจาค “รวมน้ำใจไทยช่วยวาตภัยใต้”

กรุงเทพฯ 7 ม.ค.-หน่วยงานภาครัฐ  เอกชน  และประชาชนจำนวนมาก ร่วมบริจาคเงิน  ในงาน “รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้”  ที่รัฐบาลจัดขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก โดยมีนายกรัฐมนตรี  รับบริจาคเงิน เบื้องต้นยอดรวม 132 ล้านบาท


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธานรับบริจาคเงินรายการ”รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้” ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จัดขึ้นเพื่อระดมความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเเละสร้างขวัญกำลังใจให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ 16 จังหวัดภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาวาตภัยพายุปาบึก อีกทั้งเพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆทุกภาคส่วนได้เเสดงน้ำใจร่วมบริจาคเงิน โดยได้ร่วมบริจาคเงินส่วนตัว 1 เเสนบาทเเละได้ร่วมรับสายบริจาคด้วยตนเอง ขณะที่มีหน่วยงานทั้งภาครัฐเเละเอกชนเดินทางมาร่วมบริจาคเงินจำนวนมาก 


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้เเม้พายุปาบึกจะได้สลายตัวไปเเล้ว เเต่ยังส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ อาทิ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราชเเละชุมพร โดยรัฐบาลได้สั่งให้สรุปความเสียหายเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งปัจจุบันจากการสำรวจความเสียหายล่าสุด พบว่าส่งผลกระทบในด้าน อาทิ ด้านชีวิต มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บ้านเรือนเสียหาย 11,849 หลัง รัฐบาลจะจัดสร้างให้ใหม่ เเละซ่อมแซมให้ครอบคลุม วามเสียหายด้านการประกอบอาชีพเกษตรเเละประมง ความเสียหายของถนน 55 สาย สะพาน 5 แห่ง เป็นต้น ซึ่งเเนวทางการช่วยเหลือ คือเร่งฟื้นฟู่ให้สภาพความเป็นอยู่ของประชาชนกลับมาปกติโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ได้นำเงินรายได้จากการจัดงานอุ่นไอรัก คลายความหนาวมาช่วยเหลือประชาชน เเละสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก มอบเงินช่วยเหลือ 1 ล้านบาท เเละตนขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่แสดงน้ำใจช่วยเหลือพี่น้องที่ได้รับผลกระทบทุกคน

สำหรับยอดบริจาคล่าสุดเวลา 22.00 น.รวมทั้งสิ้น 132 ล้านบาท ทั้งนี้ประชาชนเเละหน่วยงานต่างๆ ยังคงบริจาคเงินได้ต่อเนื่อง โดยโอนเงินเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี บัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี ‭067-0-06895-0‬ โดยกองทุนจะเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมเงินบริจาคของประชาชนทั่วประเทศ และนำไปบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากวาตภัยในครั้งนี้ หรือหากจะไปบริจาคด้วยตนเอง สามารถเดินทางไปที่เรือนพอเพียง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันเวลาราชการ โดยผู้บริจาคเงินสามารถนำหลักฐานในการบริจาคไปใช้แสดงการ‬.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“นายกเบี้ยว” พาลูกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา-ตร.ยัน “พีช” เจตนาทำผิดอาญา

กรณี “พีช” ลูกนายกเบี้ยว ขับรถหรูปาดหน้าชนกระบะลุงป้า ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ยืนยันพฤติการณ์ไม่ใช่แค่ขับรถประมาท แต่เจตนาทำผิดคดีอาญา และโดนแจ้งข้อหาขับรถไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ปี 64 ขณะที่ล่าสุด “นายกเบี้ยว” พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ