“ราเยวัช” ถูกปลดฟ้าผ่า

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 7 ม.ค.- บอลไทย พ่าย อินเดีย “ราเยวัช” โดนเด้ง ตั้ง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย คุมทีมชั่วคราว ลุ้น 2 นัดที่เหลือ ไทยจะไปต่อหรือไม่ ในศึกเอเชียน คัพ 2019 


กระแสบอลไทยเดือดหลังจากประเดิมสนามฟุตบอลเอเชียน คัพ 2019 ที่แฟนบอลรอคอยมา 12 ปีในรายการนี้ พ่ายอินเดีย ไปขาดลอย 1-4 ทำให้ในสังคมโซเซียลวิพากษ์วิจารณ์การคุมทีมของมิโลวาน ราเยวัช รวมถึงเรียกร้องให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลด้วย


จนในที่สุดย้อนไปดูเกมหลังจากผลงานทีมชาติไทย อันดับ 118 ของโลก ลงประเดิมสนามนัดแรก พบกับ อินเดีย อันดับ 97 ของโลก ในศึกเอเชียน คัพ 2019 รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก ของกลุ่มเอ ที่สนามอัล นาห์ยาน สเตเดียม ในกรุงอาบูดาบี ประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งอินเดียได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จากจุดโทษของ สุนิล เชตรี นาที 26 ก่อนที่ธีรศิลป์ แดงดา จะโหม่งตามตีเสมอ 1-1 นาที 33 ครึ่งหลัง อินเดีย มายิงเพิ่มอีก 3 ประตูจาก สุนิล เชตรี นาที 46 และเป็นประตู 2 เกมนี้ของเชตรี, อนิรุธ ทาปา นาที 68 และเจเจ ลัลเปคลัว นาที 80 จบเกม ทีมไทย แพ้ อินเดีย 1-4 ทำให้อินเดียนำจ่าฝูงของกลุ่ม

ซึ่งย้อนไปดูสถิติในเกมนี้ ทีมไทย มีโอกาสยิง 9 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง เป็นประตู 1 ลูก ส่วนอินเดีย ยิง 13 ครั้ง เข้ากรอบ 6 ครั้ง เป็นประตู 4 ลูก โดยทีมไทยครองบอลได้มากกว่า 65.2 เปอร์เซ็นต์ อินเดีย ครองบอล 34.8 เปอร์เซ็นต์ 


สรุปตารางคะแนน กลุ่มเอ หลังจากผ่านไปหนึ่งนัด อินเดีย ฟอร์มแรงขึ้นนำเป็นจ่าฝูง มี 3 คะแนน อันดับ 2 บาห์เรน อันดับ 3 ยูเออี มี 1 คะแนนเท่ากัน อันดับ 4 ทีมไทย มี 0 คะแนน

พอจบเกมในสังคมโซเซียล มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในการคุมทีมของมิโลวาน ราเยวัช โดยอยากให้สมาคมกีฬาฟุตบอลปลดราเยวัช รวมถึงให้ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลลาออกด้วย และมีการขุดคำสัมภาษณ์เก่าๆของ “บิ๊กอ๊อด” มาโจมตี 

แต่ไม่ทันที่ราเยวัช ได้กลับไปแก้ไขข้อบกพร่องในเกมต่อไป ในช่วงเช้ามืด “บิ๊กอ๊อด” ได้แถลงการณ์ ว่า “ขอขอบคุณในทุกๆ แรงเชียร์ของพี่น้องแฟนฟุตบอลชาวไทยทุกท่านที่ได้ร่วมส่งกำลังใจเชียร์ทัพช้างศึก นอกจากภาระหน้าที่และการสนับสนุนอย่างเต็มกำลังของสมาคมฯ ในอีกมุมหนึ่ง ผมคือแฟนบอลไทยคนหนึ่ง ที่รู้สึกผิดหวังกับผลการแข่งขันของทีมชาติไทยในเกมนี้ เช่นเดียวกับแฟนฟุตบอลไทยทั้งประเทศ จึงขอประกาศ ยุติสัญญาการทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยของมิโลวาน ราเยวัช พร้อมทีมงานสต๊าฟโค้ชบางส่วน และแต่งตั้งให้ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย คุมทีมชั่วคราว โดยมีโชคทวี พรหมรัตน์ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ลงทำการแข่งขันฟุตบอลใน เอเชียนคัพ 2019 ในแมตช์ที่เหลือ 

ขณะที่ ราเยวัช ได้ออกมากอดและอำลานักเตะในทีมแล้ว ด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ พร้อมกับเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมที่พักแล้ว

สำหรับ ราเยวัช คุมทีมชาติไทยในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน นำทัพช้างศึกลงสนาม 19 เกมรวมทุกรายการ ชนะ 8 นัด เสมอ 4 นัด แพ้ 7 นัด ยิงได้ 33 ประตู เสีย 26 ประตู ซึ่งราเยวัช คุมทีมไทยแทน “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง นัดแรกในเกมกระชับมิตร พบ อุซเบกิสถาน เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ปี 2560 โดยแพ้ 0-2 จากนั้นคุมฟุตบอลโลก 3 นัดที่เหลือ เสมอ ยูเออี 1-1 แพ้ อิรัก 1-2 และแพ้ออสเตรเลีย 1-2 ก่อนที่จะมาแพ้อินเดีย ในเกมล่าสุด 1-4 

ส่วน “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย วัย 49 ปี เคยเป็นอดีตทีมชาติไทย เล่นตำแหน่งกองกลาง และเล่นกับสโมสรโอสถสภา ตั้งแต่ปี 2531 จนแขวนสตั๊ด และทำงานเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมโอสถสภา 17 ปี ก่อนจะไปเป็นกุนซือเต็มตัวคุมทีมไทยฮอนด้า ลาดกระบัง ในศึกดิวิชั่น 1 ก่อนจะนำทีมคว้าแชมป์ และได้รับรางวัลโค้ชอาชีพยอดเยี่ยม ของการกีฬาแห่งประเทศไทย และมาเป็นผู้ช่วยราเยวัช และได้เปิดใจว่า “ยอมรับว่าการขึ้นมาทำหน้าที่ครั้งนี้ คงเป็นงานที่หนัก แต่อีกมุมหนึ่ง ผมยังเชื่อว่า ศักยภาพผู้เล่นไทยไม่ด้อยไปกว่าใคร ดังนั้น ถ้าเราร่วมมือกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน ผมเชื่อว่า เราจะมีผลงานที่ดีขึ้น และก็หวังว่า ทั้งผมและโค้ชโชค จะทำให้สถานการณ์ รวมถึงบรรยากาศของทีมดีขึ้น ใน 2 นัดต่อจากนี้”

นอกจากนี้ “โค้ชโต่ย” ยังกล่าวต่อว่า “เท่าที่คุยกับ โค้ชโชค เบื้องต้นสิ่งที่เราจะเปลี่ยนแปลง ก็น่าจะเป็นเรื่องของระบบ, แทคติก และแนวทางการเล่น รวมถึงในเรื่องเกมรับ เพราะจากที่ทีมชุดนี้ เล่นเกมรับกันได้ดี เรากลับมาเสียประตูบ่อยมากในช่วงหลัง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ เรื่องของสมาธิ ดังนั้นเราต้องรัดกุมมากขึ้น ที่สำคัญ 2 นัดที่เหลือ เราเป็นรองทั้ง บาห์เรน และ ยูเออี อยู่แล้ว ผมจึงมองว่า เราต้องเล่นแบบถ่อมตัว และหาวิธีการเข้าทำที่หลากหลายขึ้น อย่างน้อยๆ เราต้องมีแต้มให้ได้” 

“โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน อดีตกุนซือทีมชาติไทย คนเดียวที่คุมทีมชาติไทยสู้ศึกเอเชียน คัพ นำทีมไทยเก็บชัยชนะได้ จากการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย 6 ครั้งก่อนหน้านี้ “โค้ชหรั่ง” นำทีมไทยเอาชนะ โอมาน 2-0 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2007 ได้พูดถึงผลงานของทีมไทยว่า สาเหตุที่ทำให้ผลงานของทีมฟุตบอลไทยตกต่ำในครั้งนี้ เกิดจากการที่สมาคมกีฬาฟุตบอลปลดเลขาธิการสมาคม รวมถึงประธานเทคนิค ทำให้ไม่มีใครเข้ามาดูแลรับผิดชอบ  ทีมชุดนี้เก็บตัวกันมานาน แต่ผลงานไม่ได้เข้าเป้า ตามที่นายกสมาคมอยากให้เป็น 

ด้าน “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตกุนซือทีมชาติไทย ออกมาให้กำลังใจนักเตะทีมชาติไทย โดยมีส่งข้อความไปทางไลน์ส่วนตัว พร้อมพูดกรณีที่แฟนบอลเรียกร้องให้กลับมาเป็นหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยอีกครั้ง ซิโก้ ตอบว่า ตนเองอยากจะทำงานช่วยทีมชาติไทย แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

สำหรับโปรแกรมนัดต่อไปทีมไทย พบกับ บาห์เรน ที่สนาม อัล มัคตูม ในนครดูไบ วันที่ 10 มกราคม และวันที่ 14 จะพบกับ ยูเออี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC

จับตาประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” คลายปมร้อนชายแดน

14 มิ.ย. – จับตาการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” เจรจาลดความตึงเครียดชายแดน โดยฝ่ายไทยเดินทางถึงกรุงพนมเปญแล้ว มุ่งใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ขณะที่ “ภูมิธรรม” หวังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและมีข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย พร้อมคณะฝ่ายไทยเดินทางถึงกรุงพนมเปญ เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 โดยมีนาย Khum Ponnaban อธิบดีกรม Technique of Border Affairs General Department หน่วยงาน State Secretariat of Border Affairs (เทียบเท่ากระทรวง) ของกัมพูชา ให้การต้อนรับที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หวังการประชุม JBC จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและมีข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อความเป็นมิตรและการรักษาประโยชน์ร่วมของไทยและกัมพูชาให้กลับมาสู่ภาวะปกติ .-สำนักข่าวไทย

เตือนไทยตอนบนฝนตกหนัก-พายุหวู่ติบ ขึ้นฝั่งจีนวันนี้

กทม. 14 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนลดลง ขณะที่พายุ “หวู่ติบ” ขึ้นฝั่งจีนวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อนกำลังแรง “หวู่ติบ” บริเวณอ่าวตังเกี๋ย คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนในวันนี้ (14 มิ.ย. 68) โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียบินกลับเดลีแล้ว หลังตรวจไม่เจอระเบิด

ภูเก็ต 13 มิ.ย. – เครื่องบินแอร์อินเดีย พร้อมผู้โดยสาร 155 คน ออกจากสนามบินภูเก็ต กลับเมืองเดลีแล้ว หลังตรวจละเอียดยิบ ไม่พบระเบิดตามจดหมายขู่ สอบเครียด 3 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย แต่ต้องปล่อยไป เพราะไร้หลักฐานมัด ยันไม่กระทบการให้บริการท่าอากาศยานฯ เมื่อเวลา 09.30 น. หอบังคับการบินสนามบินภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์ควบคุมการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าลูกเรือสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 379 เส้นทางบิน HKT-ภูเก็ต-DEL (เดลี) ผู้โดยสารจำนวน 156 คน พบข้อความขู่วางระเบิดในแผ่นกระดาษระบุว่า ‘F… you all bomb’ วางไว้ในห้องน้ำ จากนั้นสายการบินได้ประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน ให้นักบินนำเครื่องบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต โดยทางสนามบินภูเก็ต ได้ประกาศใช้แผนเผชิญเหตุของสนามบิน Airport Contingency Plan และดำเนินการตั้งศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ EOC เพื่อควบคุมและบริหารจัดการสถานการณ์ตามแผนฯ […]

คดี “ทักษิณ” ชั้น 14 ศาลเรียกพยาน 20 ปาก-นัดไต่สวนอีก 6 นัด ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย. – คดี “ทักษิณ” วันนี้ ศาลเตรียมเรียกพยาน 20 ปาก พร้อมนัดไต่สวนอีก 6 นัด ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการไต่สวนเรื่องการบังคับคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย