สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 7 ม.ค.- บอลไทย พ่าย อินเดีย “ราเยวัช” โดนเด้ง ตั้ง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย คุมทีมชั่วคราว ลุ้น 2 นัดที่เหลือ ไทยจะไปต่อหรือไม่ ในศึกเอเชียน คัพ 2019
กระแสบอลไทยเดือดหลังจากประเดิมสนามฟุตบอลเอเชียน คัพ 2019 ที่แฟนบอลรอคอยมา 12 ปีในรายการนี้ พ่ายอินเดีย ไปขาดลอย 1-4 ทำให้ในสังคมโซเซียลวิพากษ์วิจารณ์การคุมทีมของมิโลวาน ราเยวัช รวมถึงเรียกร้องให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลด้วย
จนในที่สุดย้อนไปดูเกมหลังจากผลงานทีมชาติไทย อันดับ 118 ของโลก ลงประเดิมสนามนัดแรก พบกับ อินเดีย อันดับ 97 ของโลก ในศึกเอเชียน คัพ 2019 รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก ของกลุ่มเอ ที่สนามอัล นาห์ยาน สเตเดียม ในกรุงอาบูดาบี ประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งอินเดียได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จากจุดโทษของ สุนิล เชตรี นาที 26 ก่อนที่ธีรศิลป์ แดงดา จะโหม่งตามตีเสมอ 1-1 นาที 33 ครึ่งหลัง อินเดีย มายิงเพิ่มอีก 3 ประตูจาก สุนิล เชตรี นาที 46 และเป็นประตู 2 เกมนี้ของเชตรี, อนิรุธ ทาปา นาที 68 และเจเจ ลัลเปคลัว นาที 80 จบเกม ทีมไทย แพ้ อินเดีย 1-4 ทำให้อินเดียนำจ่าฝูงของกลุ่ม
ซึ่งย้อนไปดูสถิติในเกมนี้ ทีมไทย มีโอกาสยิง 9 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง เป็นประตู 1 ลูก ส่วนอินเดีย ยิง 13 ครั้ง เข้ากรอบ 6 ครั้ง เป็นประตู 4 ลูก โดยทีมไทยครองบอลได้มากกว่า 65.2 เปอร์เซ็นต์ อินเดีย ครองบอล 34.8 เปอร์เซ็นต์
สรุปตารางคะแนน กลุ่มเอ หลังจากผ่านไปหนึ่งนัด อินเดีย ฟอร์มแรงขึ้นนำเป็นจ่าฝูง มี 3 คะแนน อันดับ 2 บาห์เรน อันดับ 3 ยูเออี มี 1 คะแนนเท่ากัน อันดับ 4 ทีมไทย มี 0 คะแนน
พอจบเกมในสังคมโซเซียล มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในการคุมทีมของมิโลวาน ราเยวัช โดยอยากให้สมาคมกีฬาฟุตบอลปลดราเยวัช รวมถึงให้ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลลาออกด้วย และมีการขุดคำสัมภาษณ์เก่าๆของ “บิ๊กอ๊อด” มาโจมตี
แต่ไม่ทันที่ราเยวัช ได้กลับไปแก้ไขข้อบกพร่องในเกมต่อไป ในช่วงเช้ามืด “บิ๊กอ๊อด” ได้แถลงการณ์ ว่า “ขอขอบคุณในทุกๆ แรงเชียร์ของพี่น้องแฟนฟุตบอลชาวไทยทุกท่านที่ได้ร่วมส่งกำลังใจเชียร์ทัพช้างศึก นอกจากภาระหน้าที่และการสนับสนุนอย่างเต็มกำลังของสมาคมฯ ในอีกมุมหนึ่ง ผมคือแฟนบอลไทยคนหนึ่ง ที่รู้สึกผิดหวังกับผลการแข่งขันของทีมชาติไทยในเกมนี้ เช่นเดียวกับแฟนฟุตบอลไทยทั้งประเทศ จึงขอประกาศ ยุติสัญญาการทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยของมิโลวาน ราเยวัช พร้อมทีมงานสต๊าฟโค้ชบางส่วน และแต่งตั้งให้ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย คุมทีมชั่วคราว โดยมีโชคทวี พรหมรัตน์ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ลงทำการแข่งขันฟุตบอลใน เอเชียนคัพ 2019 ในแมตช์ที่เหลือ
ขณะที่ ราเยวัช ได้ออกมากอดและอำลานักเตะในทีมแล้ว ด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ พร้อมกับเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมที่พักแล้ว
สำหรับ ราเยวัช คุมทีมชาติไทยในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน นำทัพช้างศึกลงสนาม 19 เกมรวมทุกรายการ ชนะ 8 นัด เสมอ 4 นัด แพ้ 7 นัด ยิงได้ 33 ประตู เสีย 26 ประตู ซึ่งราเยวัช คุมทีมไทยแทน “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง นัดแรกในเกมกระชับมิตร พบ อุซเบกิสถาน เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ปี 2560 โดยแพ้ 0-2 จากนั้นคุมฟุตบอลโลก 3 นัดที่เหลือ เสมอ ยูเออี 1-1 แพ้ อิรัก 1-2 และแพ้ออสเตรเลีย 1-2 ก่อนที่จะมาแพ้อินเดีย ในเกมล่าสุด 1-4
ส่วน “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย วัย 49 ปี เคยเป็นอดีตทีมชาติไทย เล่นตำแหน่งกองกลาง และเล่นกับสโมสรโอสถสภา ตั้งแต่ปี 2531 จนแขวนสตั๊ด และทำงานเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมโอสถสภา 17 ปี ก่อนจะไปเป็นกุนซือเต็มตัวคุมทีมไทยฮอนด้า ลาดกระบัง ในศึกดิวิชั่น 1 ก่อนจะนำทีมคว้าแชมป์ และได้รับรางวัลโค้ชอาชีพยอดเยี่ยม ของการกีฬาแห่งประเทศไทย และมาเป็นผู้ช่วยราเยวัช และได้เปิดใจว่า “ยอมรับว่าการขึ้นมาทำหน้าที่ครั้งนี้ คงเป็นงานที่หนัก แต่อีกมุมหนึ่ง ผมยังเชื่อว่า ศักยภาพผู้เล่นไทยไม่ด้อยไปกว่าใคร ดังนั้น ถ้าเราร่วมมือกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน ผมเชื่อว่า เราจะมีผลงานที่ดีขึ้น และก็หวังว่า ทั้งผมและโค้ชโชค จะทำให้สถานการณ์ รวมถึงบรรยากาศของทีมดีขึ้น ใน 2 นัดต่อจากนี้”
นอกจากนี้ “โค้ชโต่ย” ยังกล่าวต่อว่า “เท่าที่คุยกับ โค้ชโชค เบื้องต้นสิ่งที่เราจะเปลี่ยนแปลง ก็น่าจะเป็นเรื่องของระบบ, แทคติก และแนวทางการเล่น รวมถึงในเรื่องเกมรับ เพราะจากที่ทีมชุดนี้ เล่นเกมรับกันได้ดี เรากลับมาเสียประตูบ่อยมากในช่วงหลัง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ เรื่องของสมาธิ ดังนั้นเราต้องรัดกุมมากขึ้น ที่สำคัญ 2 นัดที่เหลือ เราเป็นรองทั้ง บาห์เรน และ ยูเออี อยู่แล้ว ผมจึงมองว่า เราต้องเล่นแบบถ่อมตัว และหาวิธีการเข้าทำที่หลากหลายขึ้น อย่างน้อยๆ เราต้องมีแต้มให้ได้”
“โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน อดีตกุนซือทีมชาติไทย คนเดียวที่คุมทีมชาติไทยสู้ศึกเอเชียน คัพ นำทีมไทยเก็บชัยชนะได้ จากการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย 6 ครั้งก่อนหน้านี้ “โค้ชหรั่ง” นำทีมไทยเอาชนะ โอมาน 2-0 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2007 ได้พูดถึงผลงานของทีมไทยว่า สาเหตุที่ทำให้ผลงานของทีมฟุตบอลไทยตกต่ำในครั้งนี้ เกิดจากการที่สมาคมกีฬาฟุตบอลปลดเลขาธิการสมาคม รวมถึงประธานเทคนิค ทำให้ไม่มีใครเข้ามาดูแลรับผิดชอบ ทีมชุดนี้เก็บตัวกันมานาน แต่ผลงานไม่ได้เข้าเป้า ตามที่นายกสมาคมอยากให้เป็น
ด้าน “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตกุนซือทีมชาติไทย ออกมาให้กำลังใจนักเตะทีมชาติไทย โดยมีส่งข้อความไปทางไลน์ส่วนตัว พร้อมพูดกรณีที่แฟนบอลเรียกร้องให้กลับมาเป็นหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยอีกครั้ง ซิโก้ ตอบว่า ตนเองอยากจะทำงานช่วยทีมชาติไทย แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
สำหรับโปรแกรมนัดต่อไปทีมไทย พบกับ บาห์เรน ที่สนาม อัล มัคตูม ในนครดูไบ วันที่ 10 มกราคม และวันที่ 14 จะพบกับ ยูเออี.-สำนักข่าวไทย