กองทัพภาค 4 เร่งฟื้นฟูความเสียหายให้กับชาวบ้าน 6 อำเภอ จ.นครศรีฯ

นครศรีธรรมราช 6 ม.ค. – กองทัพภาคที่ 4 ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 6,000 นาย เร่งช่วยเหลือฟื้นฟูความเสียหาย ให้กับชาวบ้านบริเวณชายฝั่ง ทั้ง 6 อำเภอ จังหวัดนครศรีธรรมราช





ทหารช่างจากกองทัพภาคที่ 4 นับ 100 นาย ได้ลงพื้นที่ร่วมกับชาวบ้านทำกิจกรรม บิ๊กคลีนนิ่ง เดย์ ล้างเก็บกวาดทำความสะอาด สถานที่ราชการ, วัด, โรงเรียนในย่านชุมชน, ต.แหลมตะลุมพุก หลังวิกฤติพายุปาบึกผ่านพ้นไป


สำหรับความเสียหายที่กินพื้นที่ชายฝั่งของ จ.นครศรีธรรมราชเป็นวงกว้าง ทำให้กองทัพภาคที่ 4 ได้จัดเตรียมกำลังพลกว่า 6,000 นาย 45 กองร้อย และทหารช่างอีก 60 ชุด ลงพื้นที่สำรวจควาทเสียหาย และฟื้นฟู ซ่อมแซมบ้านเรือนให้ชาวบ้านผู้ประสบภัยให้คลอบคลุมทั้ง 6 อำเภอชายฝั่ง ซึ่งประกอบด้วย อำเภอปากพนัง, หัวไทร, สิชล, ท่าศาลา, ขนอม และ อ.เมือง เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติเร็วที่สุด

ขณะที่ พลอากาศตรีนายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา นำทีมแพทย์อาสาจากทั่วประเทศไทย ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือดูแลด้านสุขภาพผู้ประสบภัย ซึ่งขณะนี้มีแพทย์อาสาจำนวนมาก สมัครใจลงพื้นที่ ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมาได้ทำการตรวจรักษาผู้ประสบภัยแล้วกว่า 1,900 ราย ส่วนใหญ่มีอาการบาดเจ็บจากแผลน้ำท่วม อุบัติเหตุ และหลายคนมีภาวะเครียด

โดยสิ่งที่น่าห่วงในขณะนี้ คือ โรคที่มาหลังน้ำท่วมขังและวาตภัย อาทิ โรคฉี่หนู ซึ่งแม้จะยังไม่พบผู้ป่วย แต่ต้องย้ำเตือนให้มีการเฝ้าระวัง เพราะมีความรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิตได้

ความเสียหายที่ครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ทำให้ขณะนี้บางพื้นที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ เช่น ที่บ้านทับน้ำเต้า ม.8 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ กระแสน้ำป่าพัดสะพานที่ใช้สัญจรเข้าออกหมู่บ้านขาด 4 จุด ชาวบ้านกว่า 100 ครัวเรือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และยังไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ เป็นวันที่ 3 ล่าสุดได้ลงขันเรี่ยไรเงินจากในหมู่บ้าน จ้างรถแมคโครทำทางเข้าออกหมู่บ้านเป็นเงิน 20,000 บาท โดยไม่รอการช่วยเหลือจากภาครัฐ

พายุปาบึกแม้จะไม่ได้สร้างความสูญเสียต่อชีวิต ให้กับผู้ประสบภัยในครั้งนี้มากนัก แต่ก็ได้ทิ้งความเสียหายไว้เบื้องหลังเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านแหลมตะลุมพุก ชาวบ้านหลายคน แทบสิ้นเนื้อประดาตัว ติดตามจากรายงาน

เงินหลักพันหลักหมื่นสำหรับบางคนอาจมีค่าน้อยนิด แต่มีค่ามากสำหรับหลายๆ ชีวิต โดยเฉพาะชาวบ้านผู้ประสบภัยจากพายุปาบึก ในพื้นที้บ้านแหลมตะลุมพุกที่ขณะนี้ต้องเผชิญกับความเสียหาย บ้านเรือนพังราบ หลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะผ่านพ้นชะตากรรมครั้งนี้ไปได้อย่างไร

คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากหัวใจ ของยายหนูนิด และป้าสุดา จิตรนาธรรม สองแม่ลูกผู้ประสบชะตากรรม จากพายุปาบึกพัดถล่มบ้านแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา สะท้อนความรู้สึกของคนที่เหมือนหมดสิ้นแล้วทุกสิ่ง หลังทั้งคู่กลับจากศูนย์อพยพ แล้วพบว่าบ้านที่เคยอาศัย บัดนี้พังราบ ข้าวของเครื่องใช้ที่เก็บหอมรอมริบสร้างมาอย่างยากลำบากตลอดชีวิต ถูกคลื่นซัดถาโถมพังเสียหาย กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ทั้งครอบครัวเหลือเพียงเงินติดตัวแค่ไม่กี่พันบาท

ไม่ต่างจาก ลุงสมจิตร และป้าจิตร สุวรรณโณ คู่ทุกข์คู่ยากวัย 70 ปี ที่เล่าความรู้สึกในวันพายุปาบึกผ่านพ้นว่าได้ สร้างความเสียหายทั้งต่อบ้านของตัวเองและของลูกหลานรวม 7 ครอบครัว ลุงบอกว่า โชคยังดีอยู่บ้างที่สามารถรักษาเรือและเครื่องมือหาปลาซึ่งเป็นปากท้องสำคัญของครอบครัว และสำหรับลุงถือเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่ามากที่สุด

ความรุนแรงของพายุปาบึก ยังได้ทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็น ทั้งจากดินทรายทะเลที่ถูกลมและคลื่นหอบพัดขึ้นมาทับปิดถนนของหมู่บ้านานแหลมตะลุมพุก ความสูงบางจุดเกือบเมตร จนมองไม่เห็นพื้นถนนเดิม โอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ สำหรับรองรับน้ำฝนทีมีให้เห็นในทุกหบังคาเรือนของแหลมตะลุมพุก ถูกทรายทับถมเหลือให้เห็นเพียงครึ่งเดียว บ้างก็ถูกกระแสน้ำและลม พัดลอยไปขวางกลางถนน และป่าชายเลน เป็นภาพที่ชาวบ้านแหลมตะลุมพุกบอกว่าไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อนหลังเหตุการณ์พายุแฮเรียตเมื่อ 57 ปีที่แล้ว

แม้อีกไม่ช้าบ้านเรือนที่พังเสียหายเหล่านี้จะได้รับการซ่อมแซมหลังเริ่มมีธารน้ำใจของคนไทยหลั่งไหลเข้าให้การช่วยเหลือ หากแต่สิ่งที่จะยังคงทิ้งไว้นานกว่า คือ ความรู้สึกหวาดกลัว ของผู้ประสบชะตากรรมทุกคนซึ่งก็ได้แต่ภาวนาว่า ธรรมชาติจะไม่ซ้ำเติมชะตากรรมยากลำบากให่เลวร้ายลงกว่านี้อีกแล้ว

ล่าสุด จังหวัดนครศรีธรรมราช ประเมินความเสียหายเบื้องต้นจากพายุปาบึก ส่งผลทำให้เกิดวาตภัยและอุทกภัยในพื้นที่ 23 อำเภอ 155 ตำบล 1,400 หมู่บ้าน 105 ชุมชน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 539,847 คน 179,868 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บ้านเรือนพังเสียหายทั้งหลังอย่างน้อย 35 หลัง และสิ่งสาธารณประโยชน์เสาไฟฟ้าหักโค่น ต้นไม้ล้มได้รับความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปมูลค่าความเสียหายได้ และนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่สำรวจความเสียหายวันพรุ่งนี้ .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

พายุฝนพัดต้นยางอายุร่วม 100 ปี ทับโรงครัววัดพังราบ

พายุฝนลมกระโชกแรง ซัดต้นยางอายุร่วม 100 ปี วัดนางเหลียว ล้มทับโรงครัวพังเสียหาย ชาวบ้านในงานศพตื่นตระหนก วิ่งหนีกระเจิง

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง. เข้าสู่วันที่ 24 แล้ว เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง