นครศรีธรรมราช 4 ม.ค. – สถานการณ์พายุ “ปาบึก” หลังพัดขึ้นฝั่งที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ส่งผลให้พื้นที่ อ.สิชล ได้รับผลกระทบครอบคลุมทั่วพื้นที่
ขณะนี้ในพื้นที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช สภาพอากาศยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่อง สลับกับลมกระโชกแรง ตั้งแต่ช่วงหลัง 14.00 น. และยิ่งค่ำฝนก็ยิ่งตกลงมาอย่างหนัก ลมกระโชกแรงมากยิ่งขึ้น โดยทางจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนให้งดใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะเส้นทางตั้งแต่ อ.ท่าศาลา อ.สิชล ไปจนถึง อ.ขนอม เพื่อความปลอดภัย หลังจากคาดว่าในช่วงหลัง 19.00 น. เป็นต้นไป ฝนและลมจากอิทธิพลของพายุปาบึกจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นในพื้นที่ อ.สิชล นอกจากนี้ ผลกระทบจากพายุปาบึก ยังส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนริมชายฝั่งทะเลได้รับความเสียหายแล้วหลายหลังคาเรือน รวมถึงมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย
ขณะที่สภาพคลื่นลมบริเวณริมชายฝั่งทะเล อ.สิชล ในพื้นที่ 4 ตำบล คือ ต.ทุ่งปรัง ต.ทุ่งใส ต.สิชล และ ต.เสาเภา ซึ่งพบว่าตลอดริมชายฝั่งยังคงมีคลื่นสูงราว 3-4 เมตร และสูงราว 5 เมตร ในบางจุด โดยเฉพาะบริเวณชายหาดหินงาม ต.สิชล และชายหาดปลายทอน ต.ทุ่งปรัง ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีบ้านเรือนประชาชนปลูกติดริมทะเล บางหลังระยะห่างไม่ถึง 10 เมตร ถูกคลื่นซัดขึ้นมาจนถึงบริเวณบ้าน
นายชาญวัฒนา อิสระวัฒนา นายกเทศมนตรีตำบลสิชล ระบุว่า ความแรงของพายุปาบึกพัดหลังคาบ้านเรือนของชาวบ้านริมชายฝั่งทะเลได้รับความเสียหายแล้วกว่า 10 หลังคาเรือน ทางเทศบาลตำบลสิชลได้เตรียมอาหารและเสบียงไว้รองรับประชาชนในจุดอพยพต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน
ส่วนความเสียหายด้านอื่นๆ ขณะนี้มีรายงานว่า มีรถยนต์ประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้เสียชีวิต 1 ราย บริเวณหมู่ที่ 1 ต.ทุ่งใส รวมถึงมีต้นไม้หักโค่น บริเวณถนนสาย 401 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว
นายไพบูลย์ นาคทิพย์พิมาน นายอำเภอสิชล ยืนยันว่า ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทั้ง 4 ตำบลริมชายฝั่งทะเล อ.สิชล อพยพมาอาศัยในจุดปลอดภัยครบ 100% แล้ว ไม่มีประชาชนตกค้างอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยแต่อย่างใด
นอกจากนั้น ในคืนนี้ ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนในเส้นทางของ อ.ท่าศาลา อ.สิชล และ อ.ขนอม งดการเดินทางชั่วคราว รวมถึงถนนเลียบชายฝั่งทะเลทุกจุด เพื่อความปลอดภัย โดยพื้นที่ อ.สิชล ยังต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ต่อเนื่องไปอีก หลังจากพายุปาบึกได้เคลื่อนขึ้นฝั่งที่ อ.ปากพนัง และเคลื่อนตัวมายัง อ.ท่าศาลา แล้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ อ.สิชล เป็นวงกว้างมากขึ้นในช่วงค่ำคืนนี้เป็นต้นไป
ขณะที่บรรยากาศภายในศูนย์อพยพที่เทศบาลตำบลสิชล ซึ่งมีชาวบ้านจาก ต.ทุ่งใส และ ต.สิชล มาอาศัยอยู่ราว 800 คน โดยมีตั้งแต่เด็กเล็กอายุ 9 เดือน ไปจนถึงคนชราอายุ 90 ปี ในจุดนี้มีการอพยพผู้ป่วย ซึ่งมีราว 200 คน ไปพักอาศัยอยู่ในโรงพยาบาลสิชล เพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างทั่วถึง โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อยู่ในศูนย์อพยพฯ ยังอยู่ในภาวะเครียด เนื่องจากเป็นห่วงที่อยู่อาศัยและทรัพย์สิน
ส่วนบรรยากาศภายในศูนย์อพยพชั่วคราวที่โรงเรียนสิชลคุณาธารวิทยา ซึ่งเป็นจุดที่มีประชาชนอพยพมามากที่สุดกว่า 1,000 คน บรรยากาศในค่ำวันนี้เนืองแน่นไปด้วยประชาชนจาก ต.ทุ่งปรัง บางคนมาอาศัยหลับนอนอยู่ที่นี่ต่อเนื่องเป็นคืนที่ 2 บางครอบครัวเป็นครอบครัวใหญ่ที่อพยพมาอยู่รวมกันกว่า 10 คน. – สำนักข่าวไทย