กรุงเทพฯ 4 ม.ค. – กรมประมงระดมค้นหาผู้สูญหาย จากเหตุเรือประมงโชคมลิณีอับปางปากอ่าวปัตตานี พร้อมส่งชุดเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวประมงผู้ประสบภัยพายุโซนร้อนปาบึกทั้งทางบก – น้ำ
ศูนย์แจ้งเตือนภัยธรรมชาติปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรมประมงได้ประสานไปยังศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้าออกเรือประมง (PIPO) ได้รับแจ้งเมื่อเวลาประมาณ 02.000 น. ของวันที่ 4 มกราคม 2562 ว่า เกิดเหตุมีเรือประมงอับปางที่ปากอ่าวปัตตานี ขณะเดียวกันกับที่ศูนย์ติดตามและควบคุมเรือประมง (FMC) พบสัญญาณ VMS ของเรือประมงโชคมลิณีขาดหายไป จึงได้ประสานแจ้งให้เรือตรวจการณ์ประมงออกให้การช่วยเหลือ โดยข้อมูลเบื้องต้น พบว่า เรือประมงที่ประสบเหตุเป็นเรือขนาด 40 ตันกลอส ความยาว 17 เมตร ซึ่งมีลูกเรือประมง 6 คน ล่มอับปางที่ปากอ่าวปัตตานี (บริเวณแหลมตาชี) อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
สำหรับเรือดังกล่าวได้แจ้งออกทำการประมงจากท่าเทียบเรือประมงสงขลา ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2561 แต่เมื่อได้รับการแจ้งจากศูนย์แจ้งเตือนภัยธรรมชาติปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรมประมง จึงได้ขอนำเรือเข้าหลบพายุที่ปากอ่าวปัตตานี เช่นเดียวกับเรือประมงลำอื่น ๆ อีก 9 ลำ ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 เวลา 20.45 น. แต่เมื่อเกิดพายุซึ่งมีความรุนแรง ทำให้เรือลำดังกล่าวเกิดเหตุอับปางลง เบื้องต้นเรือตรวจการณ์ประมงทะเลของกรมประมงพร้อมด้วยเรือ ต.995 ของกองทัพเรือ และเรือของกรมเจ้าท่า ได้เข้าให้การช่วยเหลือลูกเรือกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย 4 ราย และพบลูกเรือเสียชีวิต 1 ราย สูญหายอีก 1 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานยังระดมค้นหาติดตามลูกเรือที่สูญหายและกู้ซากเรือประมงที่อับปางอย่างเต็มกำลัง แต่เนื่องจากคลื่นลมแรงจึงเป็นอุปสรรคในการดำเนินการ นอกจากนี้ กรมประมงได้เตรียมให้ความช่วยเหลือชาวประมงที่ประสบภัยธรรมชาติทั้งในส่วนของเจ้าของเรือและลูกเรือผู้ประสบภัยตามระเบียบกรมประมงว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำหรือชาวประมงที่ประสบภัยธรรมชาติ พ.ศ. 2541
ทั้งนี้ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดเตรียมพร้อมรับมือและร่วมสนับสนุนการป้องกันเพื่อหยุดยั้งความเสียหาย พร้อมช่วยเหลือชาวประมงและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ รวมถึงจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง จากสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก ที่ส่งผลให้เกิดฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรงมากในหลายพื้นที่ของภาคใต้ คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง
โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3 – 5 เมตร ส่วนทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร โดยเฉพาะจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ซึ่งเป็นเหตุให้หลายพื้นที่อพยพประชาชนไปไว้ที่ศูนย์อพยพ และประชาสัมพันธ์ให้เรือทุกชนิดห้ามออกเดินเรือในทะเล ศูนย์แจ้งเตือนภัยธรรมชาติปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรมประมง ได้ประสานไปยังศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้าออกเรือประมง (PIPO) ศูนย์ติดตามและควบคุมเรือประมง (FMC) และสำนักงานประมงจังหวัดในเขตพื้นที่ชายฝั่งจึงเฝ้าระวังสถานการณ์ พร้อมสื่อสารในทุกช่องทางการติดต่อ เพื่อแจ้งให้ชาวประมง เกษตรกร ประชาชนทราบถึงสถานการณ์เป็นระยะ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นมา โดยเฉพาะเรือประมงที่ทำการอยู่ในทะเล ได้ทำการแจ้งเตือนผ่านทางวิทยุสื่อสารให้กลับเข้ามาหลบพายุเป็นกรณีพิเศษเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น จึงขอแจ้งเตือนไปยังชาวประมงให้งดออกจากฝั่งในช่วงที่สถานการณ์พายุยังไม่สงบ และให้ติดตามรายงานสภาวะอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดจนกว่าสภาวะอากาศจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ กรมประมงได้มอบหมายให้สำนักงานประมงจังหวัดและหน่วยงานในสังกัดทุกพื้นที่เตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อนทั้งในเรื่องของเรือ และกำลังเจ้าหน้าที่สนับสนุนแล้ว หากประชาชน เกษตรกร ชาวประมง ประสบภัยดังกล่าวสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือไปที่ สำนักงานประมงจังหวัดทุกจังหวัด หรือ ติดต่อศูนย์แจ้งเตือนภัยธรรมชาติปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรมประมง หมายเลขโทรศัพท์ 0 2562 0546 ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย