กรุงเทพฯ 3 ม.ค. – ก.พลังงานสำรองเชื้อเพลิงเตรียมพร้อมรับปาบึก ประสานทั้งมาเลเซีย สปป.ลาว พร้อมนำเข้าไฟฟ้าเพิ่มทดแทน หากก๊าซฯ อ่าวไทย หยุดผลิตเพิ่มเติม กลุ่ม ปตท.สำรองเชื้อเพลิงเต็มพิกัด 3 วัน และเตรียมแพ็คถุงยังชีพนับพันชุดลงใต้
กระทรวงพลังงานได้จัดตั้งประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจัดตั้งวอร์รูมหรือ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน เพื่อติดตามความคืบหน้าสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก (PABUK) โดยในด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้ม กระทรวงพลังงานได้สั่งการให้ผู้ค้าน้ำมัน สำรองน้ำมันและจัดส่งให้เพียงพอ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์พายุ ในขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีมาตรการเฝ้าระวังสถานการณ์ทั้งในส่วนของสถานีผลิตไฟฟ้าและระบบส่ง และสำรองน้ำมัน เพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย คือ แหล่งบงกชที่หยุดผลิต รวมถึงการนำเข้าไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาว ในปริมาณสูงสุด และได้ประสานกับประเทศมาเลเซีย เพื่อขอซื้อไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉิน และจัดเตรียมอุปกรณ์หนักสำหรับแก้ไขปัญหาหากระบบผลิตและระบบส่งไฟฟ้าได้รับความเสียหายจากพายุ
ส่วนการการผลิตปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย ณ ปัจจุบันมีการอพยพเจ้าหน้าที่แล้ว 2,635 คน และเหลือปฏิบัติหน้าที่อยู่ 246 คน การอพยพของเจ้าหน้าที่แต่ละบริษัทเป็นไปโดยสวัสดิภาพ โดยพายุอยู่ห่างจากแท่นบงกชประมาณ 500 km คาดว่าจะผ่านแท่นในเวลา 04:00 น. ของวันที่ 4 ม.ค.62
ด้านการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ ขณะนี้ยังไม่มีการหยุดผลิตเพิ่มเติม ข้อมูลล่าสุด ก๊าซธรรมชาติลดลงในปริมาณเท่าเดิมที่ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน จากการหยุดผลิตของแหล่งบงกชเหนือ (แหล่งบงกชใต้ หยุดซ่อมบำรุงตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม) และน้ำมันดิบลดลงอยู่ที่ 27,000 บาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแหล่งก๊าซธรรมชาติไพลินเหนือสามารถกลับมาผลิตได้อีกครั้งเร็วกว่าแผนหลังจากหยุดซ่อมบำรุง ทำให้มีก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยเข้าระบบมากขึ้น
ในส่วนของก๊าซธรรมชาติเหลว( LNG )มีความพร้อมจ่ายได้สูงสุด 1,400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และในวันนี้เรือขนส่ง LNG ได้เข้าเทียบท่าที่ จ.ระยองแล้ว ซึ่งจะสามารถส่งก๊าซ LNG เข้าระบบได้ เมื่อรวมกับ Inventory มีปริมาณ 10,800 ล้านลูกบาศก์ฟุต (ทั้งนี้เรือลำถัดไปจะเทียบท่าในวันที่ 7 ม.ค. 62) ทำให้ปริมาณสำรอง LNG มีมากเพียงพอในการรองรับสถานการณ์การหยุดผลิตจากพายุ รวมถึงสามารถจัดสรรก๊าซธรรมชาติให้กับภาคไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรม และ NGV ได้ตามแผน
นายกฤษณ์ อิ่มแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นอกจาก ปตท.จะร่วมวางแผนในเรื่องการดูแลพลังงานให้มีอย่างเพียงพอแล้ว ชมรมพลังไทย ใจอาสา ได้นัดหมายพนักงาน กลุ่ม ปตท.และผู้บริหารร่วมกันแพ็คถุงยังชีพ อย่างน้อย 1,500 ถุง เพื่อส่งลงไปเตรียมพร้อม ช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยจะกระจายไปยังคลังปิโตรเลียมสงขลา คลังปิโตรเลียมสุราษฎร์ธานีในวันพรุ่งนี้ โดยประสานกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในการเตรียมพร้อมแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยการขนส่งต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะยังไม่ทราบว่า ถนนจะเกิดปัญหาจากเหตุพายุหรือไม่
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (PTTOR) กล่าวว่า PTTOR ได้เตรียมความพร้อมในการจัดเก็บสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทุกประเภท ได้แก่ น้ำมันกลุ่มเบนซิน น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันอากาศยาน น้ำมันเตา และก๊าซแอลพีจี สำหรับคลังทุกคลังในภาคใต้อย่างเต็มที่ ทั้งที่คลังปิโตรเลียมสงขลา คลังปิโตรเลียมสุราษฎร์ธานี คลังน้ำมันภูเก็ต สถานีเติมน้ำมันอากาศยานกระบี่ สถานีเติมน้ำมันอากาศยานภูเก็ต รวมถึงสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น ทุกแห่ง โดยปริมาณสำรอง ณ คลังทั้งหมดในปัจจุบันนั้น สามารถรองรับปริมาณการใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 3 วัน และยังได้มีการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซแอลพีจีไปยังคลังปิโตรเลียม คลังน้ำมัน สถานีเติมน้ำมันอากาศยาน สถานีบริการน้ำมัน ทุกวันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้มีการเตรียมการขนส่งสำรองทางรถยนต์จากคลังน้ำมันภาคกลางไปยังคลังน้ำมันภาคใต้ในกรณีฉุกเฉินหากไม่สามารถดำเนินการขนส่งทางเรือได้ตามปกติอีกด้วย
ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนในภาคใต้ทุกท่านมั่นใจ และไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นแต่อย่างใด และใคร่ขอความร่วมมือมายังทุกท่านในการไม่กักตุนน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณที่มากเกินกว่าปกติ
ทั้งนี้ PTTOR จะติดตามสถานการณ์ความรุนแรงและผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาปึกอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนการสำรองและขนส่งให้เหมาะสมและสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป . – สำนักข่าวไทย