ไฟไหม้โกดังเก็บวัสดุก่อสร้างเสียหาย 150 ล้าน

ชลบุรี 2 ม.ค.-เพลิงไหม้โกดังสินค้าฮาร์ดแวร์เฮาส์ สาขาศรีราชา ริมถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์สาย 7 อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 3 ชม. จึงคุมเพลิงได้ในวงจำกัด คาดเสียหายกว่า 150 ล้านบาท ไม่มีผู้บาดเจ็บ


เมื่อเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรหนองขาม ได้รับแจ้งเพลิงไหม้โกดังสินค้าฮาร์ดแวร์เฮาส์ สาขาศรีราชา ริมถนนสายมอเตอร์เวย์สาย 7 ตอนที่ 2 หมู่ 10 ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง หลังรับแจ้งจึงประสานรถดับเพลิงของเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ เทศบาลนครแหลมฉบัง เทศบาลเมืองศรีราชา เทศบาลตำบลบางพระ เทศบาลเมืองชลบุรี เทศบาลบ้านสวน รถดับเพลิงโฟมจากนิคมฯอมตะนครกว่า 30 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ศรีราชาและหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา ที่เกิดเหตุเป็นโกดังเก็บสินค้าของฮาร์ดแวร์เฮาส์ สาขาศรีราชา ซึ่งมีทั้งหมด 4 โกดัง เพลิงได้ลุกไหม้ตั้งแต่โกดังที่ 1 จนถึงโกดังที่ 3 อย่างรวดเร็ว เนื่องจากช่วงที่พนักงานจะมาพบนั้นไฟได้ลุกไหม้ขึ้นที่โกดัง1อย่างรวดเร็วมากเพราะมีอุปกรณ์ที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีอยู่ภายใน ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้ระดมน้ำฉีดเข้าไปโดยรอบโกดังเกิดเหตุอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้เพลิงลุกลามไปมากกว่านี้ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากมีทั้งลมพัดแรงและอุปกรณ์นั้นเป็นอุปกรณ์ติดไฟง่ายทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมกันฉีดน้ำอย่างเร่งด่วน เนื่องจากโกดังสินค้านั้นอยู่ติดกับปั๊มน้ำมัน ปตท.ขาเข้าแหลมฉบัง


เมื่อเวลา 17.00 น. นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมผู้เกี่ยวข้อง เดินทางมาตรวจสอบเพลิงไหม้ในครั้งนี้ร่วมกับทางอำเภอศรีราชา และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งระดมกันฉีดน้ำเพื่อสกัดกั้นเปลวเพลิงไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้แต่ยังไม่สงบ  

นายสงคราม คงหอม พนักงานฮาร์ดแวร์เฮาส์ สาขาศรีราชา ซึ่งเห็นเหตุการณ์เป็นคนแรกได้บอกว่ากำลังไปเอาของมาตัดขายให้ลูกค้า พอดีเพื่อนอีกบอกว่าไฟไหม้หันไปดูก็เห็นไฟไหม้ช่วงด้านท้ายของสโตร์คลังเก็บของ จึงวิ่งไปหาถังดับเพลิงมาประมาณ 5 นาทีไฟก็ลุกโหมขึ้นมาแล้วจึงดับไม่ทัน โดยคาดว่าที่เกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งไม่มีพนักงานอยู่ในจุดเกิดเหตุและก็ไม่มีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ในเพลิงไหม้ในครั้งนี้ เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายพนักงานออกจากโกดังต่างๆได้ทัน


เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. หลังจากเจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดแล้วทางนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมผู้เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบในโกดัง3 ที่เพลิงไหม้เสียหายด้านหลังซึ่งเป็นจุดเก็บอุปกรณ์เกี่ยวกับไม้ที่ถูกเพลิงไหม้เสียหายหมด โดยในเบื้องต้นรับรายงานว่าค่าเสียหายในครั้งนี้ประมาณ 150 ล้านบาท แต่ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน2 ชลบุรี และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ จึงจะสามารถสรุปสาเหตุได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง