พรรคพลังประชารัฐ 30 ธ.ค.-“สุวิทย์” เผย พปชร.พร้อมเลือกตั้งตามที่ กกต.กำหนด เล็งเปิดนโยบาย หลังมี พรฎ.เลือกตั้งเป็นทางการ ย้ำครอบคลุมทุกมิติ เน้นสร้างโอกาสให้คนทุกกลุ่ม ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ พร้อมทำให้คนไทยทุกคนมีสวัสดิการใช้ชีวิตอย่างมั่นคง
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้งตามกำหนดเวลา หรือโรดแมปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้กำหนด และเมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งออกมาแล้ว ทางพรรคก็พร้อมที่จะเปิดนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ โดยจะครอบคลุมทุกมิติของสังคม เศรษฐกิจ ความมั่นคง และการเมือง ทั้งนี้พรรคจะเน้นการสร้างโอกาสให้กับคนทุกกลุ่ม และลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีสวัสดิการที่ทำให้คนไทยทุกคนมีความมั่นคงตลอดทุกช่วงวัย และเป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ภายใต้แนวทาง “สร้าง-เสริม-ปรับ-เปลี่ยน” คือ สร้างหลักประกันสังคมให้คนไทยได้รับสวัสดิการอย่างทั่วถึงครอบคลุม เสริมความแข็งแกร่งของประเทศ ปรับเศรษฐกิจให้แข่งขันกับเวทีโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน เปลี่ยนการบริหารราชการแผ่นดินให้มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง มิใช่ให้พรรคการเมืองหรือนักการเมืองเป็นศูนย์กลาง
รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวอีกว่า เป็นที่รู้กันว่าเทคโนโลยีมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงทุกวินาที บางคนเรียกว่าเป็นการปฏิวัติเชิงเทคโนโลยีครั้งที่ 4 ซึ่งจะนำมาสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่มีผลกระทบต่อสังคมและผู้คนอย่างมหาศาล ดังนั้นการออกแบบนโยบายเพื่ออนาคต จึงไม่ใช่การวาดฝันที่สวยหรูได้อีกต่อไป แต่ต้องเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์ ทั้งเรื่องการปรับตัวของภาคธุรกิจ การรวมตัวกันเพื่อเพิ่มศักยภาพ และการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
“โลกอนาคตต้องสู้กันที่กระบวนทัศน์ของความคิด ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนบอกว่า ความยากจนในนิยามก็คือเรื่องของทัศนคติ เพราะถ้าคนจนคิดว่าตัวเองจน ก็จะตอกย้ำว่าตัวเองจน แต่ถ้าคนไหนคิดว่าเกิดมาจน แต่เชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ชีวิตก็จะเปลี่ยนได้ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงความคิดของสังคม เพื่อเตรียมตัวนำคนไทยและประเทศไทยไปสู่ยุค 5.0” นายสุวิทย์ กล่าว
นอกจากนี้ นายสุวิทย์ ยกตัวอย่างว่า อิสราเอลเป็นประเทศที่เสกทะเลทรายให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวได้ และส่งออกเทคโนโลยีการเกษตรเป็นอันดับหนึ่งทำรายได้เข้าประเทศมหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจากความคิดหลักที่ว่า ขายสินค้าเกษตรได้เงินน้อย แต่ขายเทคโนโลยีได้เงินมากกว่า ดังนั้นรัฐบาลอิสราเอลให้ความสำคัญกับเรื่องสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีถึงร้อยละ 95.-สำนักข่าวไทย