กรุงเทพฯ 28 ธ.ค.- ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสนามบินสุวรรณภูมิ ขจัดปัญหาทรัพย์สินโหลดใต้ท้องเครื่องบินสูญหาย
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และพ.ท.เทพจิต วีณะคุปต์ ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 4 ลงพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตรวจสอบระบบและมาตรการรักษาความปลอดภัยการขนถ่ายสัมภาระของผู้โดยสาร หลังโหลดใต้ท้องเครื่องบินแล้วสูญหายบ่อยครั้ง โดยมีนาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ผู้แทนจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด และบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมประชุม
พล.อ.วิทวัส เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเรารับทราบถึงปัญหาว่ามีผู้โดยสารที่เดินทางโดยเครื่องบินบางท่านนำทรัพย์สินมีค่าบรรจุไว้ในกระเป๋าเดินทางและโหลดใต้ท้องเครื่องบิน เมื่อถึงปลายทางปรากฏว่าทรัพย์สินที่บรรจุไว้ในกระเป๋าเดินทางสูญหาย ซึ่งกรณีเช่นนี้ได้เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงได้พิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว เพราะหากมีทรัพย์สินสูญหายออกจากกระเป๋าเดินทางระหว่างการขนถ่ายสัมภาระได้ ก็อาจจะมีการนำสิ่งของอื่น ๆ บรรจุเข้าไปในกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติดหรือวัตถุระเบิด จนนำไปสู่การก่อการร้ายบนเครื่องบิน
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จะต้องกำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สินที่บรรจุภายในกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสารให้รัดกุมยิ่งขึ้น แม้ว่าขณะนี้จะมีมาตรการเชิงป้องกันไว้แล้ว เช่น ติดตั้งกล้องวงจรปิด เครื่องแบบเจ้าหน้าที่ผู้ขนถ่ายสัมภาระต้องไม่มีกระเป๋า ห้ามนำโทรศัพท์ติดตัว ยกเว้นอาหาร ยา หรือเงินเท่านั้น จัดทหารและตำรวจเป็นสายตรวจคอยตรวจตราการทำงานตลอดเวลา แต่ก็ยังพบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมักทำกันเป็นขบวนการโดยอาจมีมิจฉาชีพแฝงตัวเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ในส่วนงานการขนถ่ายสัมภาระของผู้โดยสาร และในส่วนงานอื่น ๆ เกี่ยวข้อง ซึ่งหากเข้มงวดกวดขัน จับกุมคนร้ายที่กระทำความผิดมาลงโทษได้ ปัญหาก็จะลดลง ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ด้านมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานของประเทศไทย
พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้ ทอท.ดำเนินการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ และเพิ่มกำลังสายตรวจในพื้นที่การขนถ่ายสัมภาระให้มากและเข้มงวดขึ้น ติดตั้งกล้องวงจรปิดหรือ CCTV เพิ่มเติมในพื้นที่การขนถ่ายสัมภาระ (Sorting Area) ทุกจุดที่อาจมีการลักลอบกระทำความผิดได้ และบริเวณจุดจอดอากาศยาน (Parking Stand) เพื่อให้เห็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ภาคพื้น ตลอดจนทุกมุมของจุดคัดแยกกระเป๋าไปยังเครื่องบินของแต่ละสายการบิน
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ตอนนี้ ทอท.ได้ดำเนินการติดตั้งเพิ่มเติมจาก 778 ตัว เป็น 972 ตัว ที่สำคัญทุกฝ่ายโดยเฉพาะสายการบินจะต้องแจ้งและทำการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ถึงข้อห้ามการนำสิ่งของมีค่าโหลดใต้ท้องเครื่องบิน จะเป็นการลดความเสี่ยงของผู้โดยสารจากการถูกโจรกรรมทรัพย์สินในกระเป๋าเดินทางได้อีกทางหนึ่ง ให้ถือว่ามาตรการดังกล่าวเป็นภารกิจในการรักษาชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสาร ที่ ทอท. สายการบิน ผู้ประกอบการขนถ่ายสัมภาระ และหน่วยงานอื่น ๆ ต้องร่วมกันปฏิบัติอย่างจริงจัง ติดตาม วิเคราะห์ปัญหา ประเมินผล ปรับปรุงแก้ไขมาตรการเชิงป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุ ซึ่งจากข้อเสนอแนะ และมาตรการต่าง ๆ ข้างต้นที่ให้หน่วยงานไปปฏิบัตินั้น เชื่อว่าจะแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน.- สำนักข่าวไทย