รัฐสภา 28 ธ.ค.- ปิดตำนานรัฐสภา ข้าราชการทำงานวันสุดท้าย ขนของ แห่ถ่ายรูปอำลา ก่อนส่งคืนสำนักพระราชวังสิ้นปีนี้ เตรียมอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7และเคลื่อนย้ายปลาคาร์ฟ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่อาคารรัฐสภา ถนนอู่ทองใน ว่า วันนี้ (28 ธ.ค.)เป็นวันสุดท้ายที่ข้าราชการรัฐสภาเจ้าหน้าที่ จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่รวมถึง ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านตัดผมที่อยู่คู่กับอาคารรัฐสภามากว่า 20 ปี จะเปิดบริการเป็นวันสุดท้ายก่อนส่งคืนพื้นที่ให้สำนักพระราชวังสิ้นปีนี้ โดยมี อดีตนักการเมือง สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และบุคคลที่เคยทำงานในรัฐสภามาถ่ายภาพภายในรัฐสภาเพื่อเป็นที่ระลึก ในวันสุดท้าย
สำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ทำงานภายในรัฐสภาได้ทยอยเคลื่อนย้ายอุปกรณ์เอกสารออกไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ จะแยกย้ายไปทำงานตามสายงานยังอาคารสำนักงานอื่นของรัฐสภาเป็นการชั่วคราว อาทิ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถนนประดิพัทธ์ และ ถนนสุโขทัย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา อาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น เพื่อรอการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่แล้วเสร็จ ช่วงกลางปี 2562 ส่วนอาคารรัฐสภา ถนนอู่ทองในจะยังใช้เป็นสถานที่เฉพาะประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อกฎหมายที่ค้างอยู่ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยจะเข้ามาใช้พื้นที่เฉพาะอาคารรัฐสภา 1 เท่านั้น
นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 ม.ค.2562 นี้ ประธาน สนช.จะทำพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เพื่ออัญเชิญไปยังกรมศิลปากร สำหรับบูรณะก่อนจะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกาย เบื้องต้นได้ขอให้กรมศิลปากร ทบทวนความเห็นที่ทางกรมศิลป์จะจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์องค์ใหม่ขึ้นมาแทน โดยเห็นว่าองค์เดิมมีความสำคัญเป็นที่สักการะบูชาของผู้คนมายาวนานถึง 44 ปี และเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 เสด็จพระราชดำเนินมาติดตามการจัดสร้างด้วยพระองค์เอง
สำหรับปลาคาร์ฟ จำนวน 581 ตัวที่เลี้ยงไว้บริเวณทางเดินหน้าอาคารรัฐสภา 1 จะไม่เคลื่อนย้ายไปยังรัฐสภาแห่งใหม่เนื่องจากไม่มีสถานที่รองรับ วันนี้จะประชุมฝ่ายที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางเคลื่อนย้าย ที่จะต้องย้ายออกภายในเดือนมีนาคม2562 เบื้องต้นได้เสนอให้กรมประมง รับไปเลี้ยงดู แต่เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ยังต้องรับผิดชอบในการเลี้ยงดู จึงอาจจะใช้วิธีการประมูลหรือมอบให้กับผู้ที่พร้อมเลี้ยงดูต่อไป.- สำนักข่าวไทย