ผลสำรวจคาดจับจ่ายช่วยปีใหม่ 2562 สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

สำนักข่าวไทย 25 ธ.ค. – ผลสำรวจพฤติกรรมจับจ่ายช่วงปีใหม่ จะสูงเป็นประวัติการณ์กว่าแสนสามหมื่นล้านบาท





ก้าวเข้าสู่เทศกาลการเฉลิมฉลอง ที่เริ่มตั้งแต่วันนี้เทศกาลคริสต์มาส จนถึงปีใหม่ แน่นอนเป็นเทศกาลวันหยุดยาว ที่มีการท่องเที่ยว จับจ่ายซื้อของขวัญของฝาก ซึ่งจุดหนึ่งสามารถสะท้อนความเคลื่อนไหวภาวะเศรษฐกิจ ที่จะต้องติดตามไปจนถึงปีหน้า แล้วก็มีผลสำรวจที่น่าสนใจออกมา


ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ ของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ประชาชนทั่วประเทศ มีการวางแผนใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้งการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวการจับจ่ายซื้อสินค้า รวมถึงการเลี้ยงสังสรรค์และการทำบุญ ส่งผลทำให้เงินสะพัดในช่วงปีใหม่ 2562 อยู่ที่ 135,279 ลบ. ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยผลสำรวจเรื่องบรรยากาศปีใหม่ ร้อยละ 44.9 ประชาชนเชื่อว่าบรรยากาศจะคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดเลี้ยงสังสรรค์ 10,000 ลบ. ทำบุญ 7,394 ลบ. ซื้อสินค้าคงทน 2,206 ลบ. ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย 1,178 ลบ. ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 17,418 ลบ. ค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวในประเทศ 58,689 ลบ. และต่างประเทศ 38,386 ลบ.

ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยอมรับว่า การจับจ่ายใช้สอยในช่วงท้ายปี จนถึงปีใหม่ที่คึกคักนี้ ส่วนหนึ่งมาจากเม็ดเงินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ภาครัฐอัดฉีดเข้าสู่ระบบ แม้ว่าประชาชนยังมีความกังวลเรื่องปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจอยู่ ดูได้จากผลสำรวจความเห็นถึงปัญหาที่รัฐบาลควรแก้ไขเร็วที่สุด คือปัญหาเศรษฐกิจโดยรวม โดยผลสำรวจผู้ถูกสำรวจเชื่อว่า ในปี 2562 ร้อยละ 39.5 เศรษฐกิจจะดีขึ้นปานกลาง รองลงมาร้อยละ 35.3 เชื่อว่าจะดีขึ้นมาก

ดร.ธนวรรธน์ ย้ำด้วยว่าปัจจัยสำคัญในการชี้วัด ภาวะเศรษฐกิจของไทย คือ ปัจจัยด้านการเมืองและการเลือกตั้งที่เชื่อว่า บรรยากาศการหาเสียง ตั้งแต่หลังปีใหม่ มีเม็ดเงินสะพัด ประมาณ 40,000 ลบ. จะทำให้เศรษฐกิจคึกคัก และปัจจัยด้านการเมืองผลการเลือกตั้ง จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ไปตลอดปี 2562  ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่า แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงภายนอก จากปัจจัยดอกเบี้ยโลก สงครามการค้า และ เบร็กซิท แต่ก็จะไม่มีปัจจัยลบใด ทำให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าร้อยละ 4 โดยผลสำรวจ ระบุชัดเจน ในปี 2562 ผู้ถูกสำรวจมากกว่าร้อยละ 40 เชื่อว่าเศรษฐกิจไทย จะขยายตัวร้อยละ 4.01-4.50

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย ผลสำรวจระบุว่าว่าในช่วง 5 วัน ของเทศกาลปีใหม่ 2562 ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2561 ถึง 1 มกราคม 2562 การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย น่าจะมีมูลค่าประมาณ 32,210 ลบ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สำคัญยังคงมาจากนักท่องเที่ยวเอเชีย อาทิ นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย นอกจากนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีนเริ่มทยอยเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2561 สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวของคนไทยยังคงเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวบนยอดดอยในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ นอกจากนี้ มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเมืองรอง ช่วยหนุนให้เกิดการกระจายตัวของการเดินทางท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ในเมืองท่องเที่ยวรองมากขึ้น .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

มติกฤษฎีกา “กิตติรัตน์” คุณสมบัติไม่ผ่านนั่งประธานบอร์ด ธปท.

คณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ มีมติไม่ผ่านคุณสมบัติ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย

เครื่องบินโดยสาร อาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ตกในคาซัคสถาน

เครื่องบินโดยสารเอ็มบราเออร์ ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ที่บินจากอาเซอร์ไบจาน ไปยังประเทศรัสเซีย เกิดอุบัติเหตุตกที่บริเวณใกล้กับเมืองอัคเทา ในคาซัคสถาน โดยมีผู้โดยสาร 62 คน และลูกเรือ 5 คน บนเครื่อง เจ้าหน้าที่คาซัคสถานกล่าวว่า มีผู้รอดชีวิต 28 ราย