กรุงเทพฯ 6 ก.ย.-อัยการเสนอทางออกแก้ปัญหาข่มขืน โดยให้รับโทษเต็ม พร้อมๆกับแก้กฎหมายเพิ่มโทษปรับ และติดตามตัวหลังพ้นโทษ เพื่อรับมือสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน
ในการเสวนา ” ทางออกของสังคม กับ ปัญหาการข่มขืนกระทำชำเรา” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและร่วมหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาและลดความรุนแรงของปัญหาการข่มขืนในประเทศไทย
นายวันชัย รุจนวงศ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การข่มขืนทุกวันนี้เกิดขึ้นให้เห็นมากมาย จนคนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ ที่น่ากลัวมาก คือการข่มขืนแล้วฆ่าและการข่มขืนเด็ก แม้มีการปรับปรุงกฎหมายเพิ่มโทษมาต่อเนื่อง แต่จากการเก็บข้อมูลคดีข่มขืนตั้งแต่ปี2512-2559 คดีข่มขืนไม่ได้ลดลงหรือลดความรุนแรงลงจากการเพิ่มโทษเลย
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การข่มขืนเกิดขึ้นมา เพราะสังคมปัจจุบัน ที่คนในสังคมบอกไม่ชอบการข่มขืน แต่กลับชอบละครที่มีบทข่มขืน รุนแรง ใช้กำลัง แล้วจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด ไม่มีในชีวิตจริง แต่ละครประเภทนี้จะได้รับความนิยมมาก จึงพยายามเสนอให้แก้กฎหมาย ให้ลงโทษสื่อที่เสนอละครแบบนี้อย่างจริงจัง จากเดิมที่ให้มีการเซ็นเซอร์กันเองแต่ก็ไม่มีประสิทธิภาพตามที่ควรจะเป็น
ขณะเดียวกัน ได้เสนอมาตรการทางกฎหมาย เพื่อเอาผิดผู้กระทำผิดทางเพศ โดยผู้กระทำผิดให้ต้องได้รับโทษเต็มตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ควรได้รับการลดโทษในกรณีผู้ต้องหาข่มขืนแล้วฆ่าหรือข่มขืนทารุณ โดยไม่จำเป็นต้องไปแก้กฎหมายเพิ่มโทษ ให้เป็นโทษประหารทุกกรณีเพราะจะมีผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากผู้กระทำผิดจะฆ่าเหยื่อทุกคน เพราะโทษสุดท้ายคือถูกประหารสถานเดียวอยู่แล้ว , เสนอให้ลงโทษทั้งจำทั้งปรับและต้องแก้กฎหมายเพิ่มโทษปรับ ที่ใช้มา 59 ปีแล้ว เช่น โทษสูงสุดจำคุก 20 ปี ปรับ 4หมื่นบาท สมัยนั้น 4 หมื่นบาท ซื้อทองคำได้น้ำหนัก100 บาท แต่ปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง2 ล้านบาทแล้ว และถ้าไม่มีเงินค่าปรับก็ให้ยึดทรัพย์แทนการติดคุก
ส่วนมาตรการเมื่อพ้นโทษออกมาแล้วในกรณีผู้ต้องหาฆ่าข่มขืนและข่มขืนเด็ก จะต้องมีการติดตาม เฝ้าระวังและให้มารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ เป็นระยะ เนื่องจากผู้ต้องหาส่วนใหญ่ จะกระทำผิดซ้ำอีก แม้วิธีการแบบนี้ นักสิทธิมนุษยชนจะมองว่าละเมิดสิทธิ์ผู้ต้องหา แต่เป็นการคำนึงถึงสิทธิและความปลอดภัยของชุมชนและเด็กซึ่งควรได้รับการคุ้มครองมากกว่า
ด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สถานการณ์การข่มขืนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มเด็กซึ่งพบว่ามีเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศอายุน้อยที่สุดเพียงไม่ถึง 1 ขวบ และกลุ่มใหญ่สุด คือกลุ่มวัยรุ่น และยังพบข้อมูลที่น่าตกใจ คือเป็นการกระทำผิดโดยคนใกล้ชิด โดยเฉพาะคนในครอบครัว ซึ่งพบว่าเป็นพ่อโดยสายเลือดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมและครอบครัวไทย .- สำนักข่าวไทย