กทม. 23 ธ.ค. – ประชาชนยังได้รับผลกระทบจากค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ขอภาครัฐหาสาเหตุแท้จริงและเร่งแก้ปัญหา
รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลของกรมควบคุมมลพิษ พื้นที่ริมถนนอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ เกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 20 พื้นที่ ส่วนพื้นที่ทั่วไปอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ เกินค่ามาตรฐาน 16 พื้นที่ ซึ่งจากการติดตามเป็นระยะคาดว่า ปริมาณฝุ่นละอองจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะพื้นที่แนวเขตการก่อสร้างขนาดใหญ่ และการจราจรหนาแน่น มีฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนระดับสูง เช่น ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง ฝุ่นละออง 79 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ริมถถนนพระราม 3 เขตยานนาวา และริมถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร 73 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เขตคลองเตย เขตบึงกุ่ม ส่วนปริมณฑลได้แก่ ริมถนนพระราม 2 อำเภอเมืองสมุทรสาคร 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ 93 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
นางสาวอุษา พิพัฒน์ ประชาชน กล่าวว่า หากต้องเดินทางออกนอกบ้านจะรู้สึกได้ทันทีว่าอากาศไม่สะอาดในช่วงนี้ ต้องใช้หน้ากากอนามัยปิดปากปิดจมูกทุกครั้ง เรียกร้องภาครัฐควรหาสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงและแนะนำหรือวางแนวทางดูแลประชาชนให้ปลอดภัยทางสุขภาพร่างกาย
เช่นเดียวกับประชาชนที่เดินทางด้วยรถสาธารณะย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บอกว่า รู้สึกได้ถึงมลพิษในอากาศจำนวนมาก หากไม่มีการแก้ไขที่ตรงจุดหรือไม่ผลดีพอจะกระทบประชาชนเป็นวงกว้างมากขึ้น
ทั้งนี้กรมควบคุมมลพิษขอความร่วมมือประชาชนและผู้ประกอบการห้ามใช้รถยนต์ที่มีควันดำอย่างเด็ดขาด พร้อมประสานกองบังคับการตำรวจจราจร เร่งระบายรถในชั่วโมงเร่งด่วน รวมทั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดในพื้นที่ปริมณฑล สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี งดให้รถบรรทุกขนาดใหญ่เข้ามาวิ่งในพื้นที่ช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเพราะจากสถิติปัญหาฝุ่นควันที่เกิดขึ้น ร้อยละ 35 สาเหตุมาจากการไอเสียจากรถยนต์ .- สำนักข่าวไทย