เปิดศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐเขตหนองจอก

ศูนย์ประสานงานหนองจอก 22 ธ.ค.-เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐเขตหนองจอก ย้ำพรรคพลังประชารัฐเป็นทางเลือกการเมืองแบบใหม่ เดินหน้าประเทศเพื่อปากท้องประชาชน ลดสีลดความขัดแย้ง เชื่อประชาชนไม่ต้องการปัญหาซ้ำรอย


นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร่วมเปิดศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ เขตหนองจอก แขวงกระทุ่มลาย กทม. ริมถนนเชื่อมสัมพันธ์ โดยมีว่าที่ผู้สมัครเขตหนองจอก คือนายศิริพงษ์ รัศมี พร้อมว่าที่ผู้สมัครใกล้เคียง และประชาชนเดินทางมาร่วมงาน 

โดยนายศิริพงษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตหนองจอก พรรคพลังประชารัฐ อดีต ส.ข.พรรคเพื่อไทย กล่าวปราศรัยบนเวที ว่าประชาชนโดยเฉพาะที่เขตหนองจอก ที่หาเช้ากินค่ำลำบากอยู่ตนเองก็จะดูแลพร้อมเดินเคียงข้างและทำให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดีมากขึ้น ทั้งนี้ที่ผ่านมา มีแต่ความขัดแย้งประเทศไม่พัฒนาไปได้ เมื่อนายสนธิรัตน์ ได้เชิญชวนให้ตนเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ จึงต้องการทำหน้าที่เพือประชาชนก้าวข้ามความขัดแย้ง


จากนั้นนายสนธิรัตน์ กล่าวปราศัยบนเวทีกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับว่า ถือเป็นครั้งแรกในการมาเปิดสาขาพรรค ทั้งนี้มีสมาชิกพรรคมาคล้องพวงมาลัย นายสนธิรัตน์จึงกล่าวแบบติดตลกว่าหากไม่คล้องแล้วเสียงไม่ออก ทำให้เรียกเสียงตบมือจากประชาชนที่มารับฟังการปราศรัย พร้อมกล่าวว่า เขตหนองจอก มีความสำคัญ ต้องได้รับการพัฒนาให้เทียบเท่ากรุงเทพมหานคร ซึ่งการได้รับการต้อนรับในวันนี้ ถือว่าอบอุ่น ขอบคุณที่ส่งพลังมาให้พรรคพลังประชารัฐ  

นายสนธิรัตน์ กล่าวปราศัย ย้ำไปที่เหตุการณ์ความขัดแย้งของคนในประเทศ จนเกิดความขัดแย้งแม้กระทั่งในครอบครัว ซึ่งส่วนตัวไม่อยากเห็น เพราะเคยหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่ไม่สงบ ดังนั้นจึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์การเมืองเช่นนี้อีก พรรคประชารัฐจึงขออาสามาทำหน้าที่ประเทศเดินหน้า เพื่อปากท้องของทุกคน พร้อมดูแลซึ่งกันและกัน 


“ที่ผ่านมากว่า 15 ปีหนองจอก ถือว่าเติบโตแต่ยังเติบโตไม่เต็มที่เท่ากับเขตอื่นใน กทม. อาจจะเป็นเพราะคนดูแลพื้นที่เก่าดูแลไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งการเมืองที่ผ่านมามีการปราศรัยโจมตีป้ายสีกันมากมายเกิดความแตกแยกขัดแย้ง ในประเทศอย่างมาก ทำให้คนบ้านเดียวกันสามีไปทางภรรยาไปทาง แม้จะนอนเตียงเดียวกันยังไม่หันหน้าเข้าหากันเลยไม่พูดคุยกันและยังไม่กินข้าวด้วยกันจนถึงขนาดที่ว่าพูดคุยเรื่องอื่นได้อย่าพูดเรื่องการเมือง ไม่อย่างนั้นชกกันจะดีกว่า ส่วนตัวก็กลัวจะเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในช่วงปีใหม่ เมื่อหลายปีที่ผ่านมามีระเบิดเกิดขึ้น การเมืองแบบนั้น เชื่อว่าประชาชนไม่ต้องการและการเลือกตั้งครั้งนี้ หากปล่อยให้พรรคหนึ่งชนะอีกพรรคหนึ่งก็ออกมา วันนี้พรรคพลังประชารัฐจึงอาสาตัวเองเข้ามานำพาประเทศเดินไปข้างหน้า และก้าวข้ามความขัดแย้งให้ได้ และต้องการทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม” นายสนธิรัตน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง