โชว์ศักยภาพแหล่งน้ำมันดิบฝาง

เชียงใหม่ 21 ธ.ค. – กรมการพลังงานทหารเตรียมขุดสำรวจปิโตรเลียมเพิ่ม 3 หลุมปีหน้า หวังรักษาปริมาณผลิตแหล่งน้ำมันดิบฝาง 750 บาร์เรลต่อวัน 



นายภูมี ศรีสุวรรณ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ลงพื้นที่ศึกษาดูงานบริหารจัดการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแหล่งน้ำมันดิบฝาง ศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ กรมการพลังงานทหาร อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ นายภูมี กล่าวภายหลังจากการเข้าชมการบริหารจัดการการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมบ่อน้ำมันฝางของศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ ว่า ที่นี่เป็นแหล่งน้ำมันดิบแห่งแรกที่ค้นพบในประเทศไทยและเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผลักดันให้เกิดการตื่นตัวเรื่องจัดหาและพึ่งพาทรัพยากรพลังงานในประเทศ จนพัฒนาไปสู่การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทยในปัจจุบัน


พันเอกนรสิงห์ ภีมะโยธิน รองผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ กรมการพลังงานทหาร กระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือจัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2532 เพื่อดำเนินงานด้านกิจการปิโตรเลียมอย่างครบวงจร ตั้งแต่การสำรวจและผลิตและการกลั่นปิโตรเลียมภายใต้กรอบและแนวทางที่กระทรวงกลาโหมกำหนด โดยดำเนินงานครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของ 6 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง แพร่ และลำพูน ซึ่งเป็นพื้นที่สงวนไว้เพื่อกิจการปิโตรเลียมของกระทรวงกลาโหม 


ทั้งนี้ ปัจจุบันการผลิตปิโตรเลียมของศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือดำเนินการเฉพาะที่แหล่งน้ำมันดิบฝางครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล ในอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ ตำบลแม่คะ แม่สูน และสันทราย โดยมีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบประมาณ 750 บาร์เรลต่อวัน จากหลุมผลิตทั้งหมด 62 หลุม ซึ่งน้ำมันดิบที่ผลิตได้ทั้งหมดจะส่งเข้าโรงกลั่นฝางเพื่อกลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูป เพื่อใช้ในภารกิจของกระทรวงกลาโหมเป็นหลัก และปัจจุบันบ่อน้ำมันฝางเหลือปริมาณสำรองน้ำมันดิบ 63 ล้านบาร์เรล หากไม่มีการสำรวจขุดเจาะเพิ่มจะผลิตน้ำมันได้อีกแค่ 11 ปี โดยปีหน้ามีแผนจะขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมเพิ่มอีก 3 หลุม อยู่บริเวณอำเภอฝากตอนกลาง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 18 ล้านบาทต่อหลุม เพื่อรักษาระดับอัตราการผลิตน้ำมันดิบ 

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2499  ถึงปัจจุบันมีการเจาะหลุมสำรวจไปแล้วกว่า 300 หลุม และพบน้ำมันดิบที่ผลิตขึ้นมาใช้ได้ 62 หลุม ส่วนน้ำมันดิบที่ผลิตได้จะนำเข้าสู่โรงกลั่นน้ำมันฝาง ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็กแบบ Simple refinery มีขีดความสามารถในการกลั่น 2,500 บาร์เรลต่อวัน  แต่ปัจจุบันกลั่นอยู่ประมาณ 1,400 บาร์เรลต่อวัน โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีทั้งแนฟทา  น้ำมันดีเซล และน้ำมันเตา โดยแนฟทา จะขายให้กับ IRPC โดยอิงราคาที่ตลาดสิงคโปร์ ส่วนน้ำมันดีเซลจะใช้ในกิจการของกองทัพและจำหน่ายให้กับผู้ค้าเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ ด้านน้ำมันเตานำไปผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมดีเซล ที่มีกำลังการผลิต 12.14 เมกะวัตต์ ขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 4.5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าปี 2562 เบื้องต้นจะไม่มีการต่อสัญญาและจะยกเลิกการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด เนื่องจากโรงไฟฟ้ามีอายุการใช้งานกว่า 21 ปี ถือว่าเครื่องผลิตเก่ามากแล้ว

ทั้งนี้ เดือนตุลาคมปี 2562 จะเดินหน้าศึกษาโครงการต้นแบบ 2 โปรเจค โดยโปรเจคแรกร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เพื่อนำแนฟทาที่ได้จากโรงกลั่นน้ำมันฝางไปศึกษาวิจัยและพัฒนาเป็นน้ำมันเบนซิน เพื่อจำหน่ายให้กับรถยนต์ในพื้นที่และโปรเจคที่ 2 จะร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นำน้ำมันเตาหลักที่ได้จากโรงกลั่นน้ำมันฝางไปศึกษาวิจัยและพัฒนาเป็นน้ำมันดีเซล เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดีเซลและเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบที่ผลิตได้ เพื่อเป็นพลังงานทางเลือก .– สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

นายกฯ ปัดตอบ ผลสำรวจอยากให้ปรับ ครม.

“นายกฯ อิ๊งค์” ไม่ตอบคำถามผลสำรวจอยากให้ปรับ ครม. บอกพรุ่งนี้ตอบทีเดียว ก่อนแซว “ประเสริฐ” ปรับให้แล้ว เหตุพูดตำแหน่ง “จุลพันธ์” ผิด จาก รมช.คลัง เป็น รมช.มหาดไทย

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]