ก.แรงงาน 21ธ.ค.-รมว.แรงงาน เผยผลการเจรจากับรัฐมนตรีแรงงานและมหาดไทยของอิสราเอล เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รับปากดูแลแรงงานไทยอย่างดี ทั้งสวัสดิการ ค่าจ้างตามกฎหมาย และไม่ให้เกิดปัญหากับคนงาน
กระทรวงแรงงาน แจ้งว่า เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน และคณะ หารือข้อราชการกับMr.Aryeh Deri รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอิสราเอล ณ ห้องประชุมกระทรวงมหาดไทยอิสราเอล กรุงเยรูซาเร็ม
โดย รมว.แรงงาน กล่าวขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอิสราเอลที่ให้โอกาสเข้าพบหารือและขอบคุณรัฐบาลอิสราเอลที่ได้เปิดโอกาสให้แรงงานไทยจำนวนมากเข้ามาทำงานในประเทศอิสราเอลช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถสร้างรายได้ส่งเงินกลับประเทศไทยเพื่อจุนเจือครอบครัว ได้รับประสบการณ์และการเรียนรู้เทคโนโลยีภาคเกษตรชั้นสูงของอิสราเอล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการกลับไปเริ่มต้นการเป็นผู้ประกอบการ Start up ด้านการเกษตร ช่วยขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล รวมทั้งขอบคุณ PIBA ที่ได้ดูแลและคุ้มครองแรงงานไทยร่วมกับฝ่ายแรงงานฯ มาโดยตลอด
นอกจากนี้รัฐบาลอิสราเอลได้ผ่านสภาเห็นชอบ ให้มีการจัดตั้งกองทุนปิซูอิม (Deposit Fund) ที่กำหนดให้นายจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุนเมื่อคน งาน ทำงานครบสัญญาจ้างงานจะได้รับเงิน 1 เดือนต่อการทำงานครบ 1ปีโดย รมว.แรงงานของไทยได้ฝากเจ้าหน้าที่ดูแลคุ้มครองแรงงานไทย โดยขอให้ดำเนินการต่อนายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและให้มีการ Black list ต่อนายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย ยืนยันจะดูแลสวัสดิการ สุขภาพ ที่พักอาศัยของแรงงานไทย โดยได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบนายจ้างให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนปัญหายาเสพติดทั้งสองฝ่ายเข้มงวดตรวจสอบแรงงานไทยทั้งก่อนเดินทางและหลังจากที่เดินทางอิสราเอลแล้ว
สำหรับประเด็นสลิปเงินเดือนจะบังคับให้บริษัทจัดหางานจัดทำเป็นภาษา ไทยให้คนงานได้รับทราบและเข้าใจ ขณะเดียวกันรมว.มหาดไทยอิสราเอลรับจะพิจารณาในการเพิ่มโควตานำเข้าแรงงานไทยไปทำงานในอิสราเอลเพิ่มขึ้นอีกด้วย
รมว.แรงงาน กล่าวด้วยว่า การเดินทางเยือนอิสราเอลในครั้งนี้เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ด้านแรงงานระหว่างไทยและอิสราเอล ติดตามสถานการณ์ปัญหาความไม่สงบและภัยคุกคามของอิสราเอล รวมทั้งเยี่ยมเยียน สร้างขวัญและกำลังใจให้กับแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอล โดยเฉพาะแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ใกล้กับพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือและฉนวนกาซ่า
วันเดียวกัน รมว.แรงงาน ยังหารือร่วมกับ Mr.HAIM KATZ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สวัสดิการและบริการสังคมของอิสราเอล เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาแรงงานไทยประสบปัญหาการถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้างอิสราเอลและการไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างในเรื่องค่าจ้าง จึงอยากให้กระทรวงแรงงาน สวัสดิการและบริการสังคมอิสราเอลเร่งหามาตรการเพื่อคุ้มครองสิทธิของแรงงานไทย และบังคับให้นายจ้างปฏิบัติตามสัญญาจ้างอย่างเคร่งครัด การเพิ่มช่องทางร้องทุกข์ของแรงงานไทย การพิจารณาการดำเนินการเพิ่มบทลงโทษและการสั่งปรับนายจ้างที่ฝ่าฝืน รวมทั้งการพิจารณายกเลิกโควตาจ้างแรงงานต่างชาติสำหรับนายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและเพิ่มระดับความเข้มงวดกวดขันเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดเพื่อ ให้แรงงานไทยได้รับการคุ้มครองและได้รับสิทธิตามกฎหมายอิสราเอล โดยไม่ต้องเกิดปัญหาฟ้องร้องกับนายจ้างและยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แรงงานไทยที่ทำงานอยู่ต่อไป.-สำนักข่าวไทย