ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 20 ธ.ค.-17 องค์กรภาคีต้านคอรัปชั่นเผยผลโพลประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้พรรคการเมืองเสนอนโยบายชัดเจน ตรวจสอบได้ แก้ปากท้อง กำจัดคนโกง ฝากความหวังนักการเมืองรุ่นใหม่แก้โกง
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) มูลนิธิเพื่อคนไทยและภาคีภาคประชาชน 17 องค์กรร่วมแถลงข่าวประกาศ “ผลโพลต้านโกง” รับเลือกตั้ง 2562 ซึ่งเป็นโครงการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ ต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่นของพรรคการเมืองและนักการเมืองไทยในการเลือกตั้ง 2562 ระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน – 14 ธันวาคม 2561 จำนวน 3,054 คน โดยร้อยละ 81 เป็นผู้เคยเลือกตั้งมาก่อนหน้านี้ ร้อยละ 19 เป็นผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร( กทม.) – ปริมณฑล 548 คน ภาคเหนือ 549 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,011 คน ภาคกลาง 315 คน ภาคใต้ 406 คน เพื่อให้พรรคการเมืองนำข้อเสนอของประชาชนจากผลโพลไปพัฒนาเป็นนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่นและประกาศพันธสัญญา
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าผลการสำรวจที่เป็นข้อเสนอหลักให้พรรคการเมืองนำไปพัฒนาเป็นนโยบาย คือ ปัญหาคอรัปชั่น 3 อันดับแรกที่รัฐบาลใหม่ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วนและเป็นรูปธรรม คือต้องการเปิดเผยข้อมูลสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ควรกำหนดกระบวนการป้องกันการทุจริตเชิงรุกในหน่วยงานรัฐ ควบคุม จัดการสมาชิกรัฐบาลและสมาชิกพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น
“ส่วนผลการสำรวจความคิดเห็น “ข้อเสนออื่น ๆ” ที่มีผลสูงสุดคือนโยบายของพรรคการเมืองควรตรวจสอบได้ ใช้งบประมาณคุ้มค่า ปฏิบัติได้จริงและชัดเจนเป็นรูปธรรมส่วนคำถามว่าพรรคการเมืองควรประกาศนโยบายแบบใด พบว่านโยบายควรมีรายละเอียด ระบุการตรวจสอบที่สามารถตรวจสอบได้จริง นโยบายกว้างๆ สำหรับปัญหาสำคัญของประเทศที่ต้องแก้ไขมากที่สุด คือ เศรษฐกิจ การศึกษา ทุจริตคอรัปชั่น” นางเสาวณีย์ กล่าว
นางเสาวณีย์ กล่าวว่า ส่วนคำถามว่านโยบายต่อต้านคอรัปชั่นของพรรคการเมือง/นักการเมืองมีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนในการเลือกตั้ง 2562 หรือไม่ พบว่าความเห็นส่วนใหญ่คิดว่ามีผลปานกลางเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ประชาชนรส่วนใหญ่เห็นด้วยที่พรรคการเมืองควรมีแนวทางชัดเจนเรื่องการต่อต้านการคอร์รัปชั่น สำหรับปัญหาคอรัปชั่น 3 อันดับแรกที่ส่งผลเสียและต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขคือปัญหาทุจริตในระบบราชการ ปัญหาทุจริตในกระบวนการยุติธรรมและเงินบริจาคแก่สถาบันศาสนา
“ขณะที่พรรคการเมืองควรมีข้อกำหนดหรือแนวปฏิบัติเพื่อสนับสนุนให้เกิดการต่อต้านคอร์รัปชั่น โดยต้องแสดงข้อมูลการทำงานทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส มีหน่วยงานกลางตรวจสอบ หากพบการทุจริตของนักการเมืองในพรรคต้องลงโทษอย่างเด็ดขาด และเสริมสร้างจิตสำนึกการทำงานที่ดีต่อบ้านเมืองและประชาชน ส่วนสิ่งที่นักการเมืองไทยไม่ว่าจะมีตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ควรต้องทำเพื่อต่อต้านคอร์รัปชั่น คือต้องซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรม ไม่ทุจริตคอรัปชั่น ยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลการทำงานและตรวจสอบได้ทุกกรณี มีความเป็นผู้นำ รับฟังความคิดเห็นและเป็นปากเสียงให้ประชาชน นอกจากนี้ยังพบว่าประชาชนมีความหวังกับนักการเมืองรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น” นางเสาวณีย์ กล่าว
นางเสาวณีย์ กล่าวว่า สำหรับความคาดหวังต่อนักการเมืองรุ่นใหม่ คือเป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดและมุมมองใหม่ มีมุมมองแก้ปัญหาคอรัปชั่นที่มีประสิทธิภาพ และไม่อยู่ภายใต้การครอบงำของนักการเมืองรุ่นเก่า สำหรับปัญหาสำคัญของประเทศที่จะต้องแก้ไขมากที่สุดโดยจำแนกตามภูมิภาค ซึ่งในส่วนของกรุงเทพฯและปริมณฑล ต้องการให้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาด้านการศึกษา ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาด้านสังคม ปัญหาลดความเหลื่อมล้ำเศรษฐกิจและสังคม ปัญหาคุณภาพชีวิต ปัญหายาเสพติด ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติทั้งที่ดินแหล่งน้ำและผืนป่า
ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้ง พรรคการเมืองหลายพรรคจะมีนโยบายการต่อต้านการคอร์รัปชั่น แต่เป็นนโยบายในลักษณะเป็นนามธรรม ไม่สามารถจับต้องได้ หวังว่าการสำรวจครั้งนี้จะสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนต้องการเห็นอะไร เช่น หากพรรคการเมือง มีความประพฤติมิชอบ พรรคการเมืองจะดำเนินการอย่างไร เพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า หากเกิดการกระทำผิดจะต้องมีนโยบายชัดเจน ซึ่งความหวังของเรา ต้องการสะท้อนผลสำราจความคิดเห็นดังกล่าวไปสู่นโยบายของพรรคการเมืองให้เป็นรูปประธรรม เพื่อนำไปหาเสียงให้ประชาชนที่สนใจเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่นได้เลือกพรรคนั้น ๆ
ขณะที่นายวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย กล่าวว่า 17 องค์กรทำการบ้านสอบถามความต้องการประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศ ขั้นตอนถัดไปจะนำส่งให้พรรคการเมืองรับทราบ เพื่อพิจารณาว่าประชาชนให้ความสำคัญอยาก นโยบายที่ชัดเจนเรื่องต่อต้านเรื่องคอรัปชั่น รวมทั้งจะนำเรื่องนี้ไปช่วยกันขยายผล พูดคุยกับพรรคการเมืองว่าประชาชนต้องการเช่นนี้ นโยบายและแนวปฏิบัติจะเป็นอย่างไร
“เราหวังว่าผลการสำรวจครั้งนี้จะเกิดเวทีในรูปแบบต่าง ๆ ทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อให้พรรคการเมืองมีโอกาสรับทราบ และกำหนดเป็นนโยบายการต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นจะเป็นอย่างไร ซึ่งพวกเราหวังจะได้รับการตอบสนองจากพรรคการเมือง หลังจากนั้นนำไปสู่การเลือกตั้ง พวกเราในฐานะภาคประชาชนช่วยกันติดตามทวงถาม เฝ้าระวัง สิ่งที่พรรคการเมืองสัญญาไว้จะนำไปปฏิบัติว่าทำได้จริงหรือไม่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ให้สังคมประเทศชาติดีขึ้น หากจัดการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นอย่างเป็นระบบ” นายวิเชียร กล่าว
สำหรับนายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เป็นการสำรวจประชาชนทั่วประเทศ และสัมภาษณ์ตัวต่อตัว สะท้อนความจริงเกิดขึ้นในสังคม อาจจะคลาดเคลื่อนได้ 3% ยืนยันการทำงานครั้งนี้เน้นทั้งด้านวิชาการ และ คอรัปชั่น ผลสำรวจดังกล่าวเป็นการสะท้อนปัญหาสะสมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน.-สำนักข่าวไทย
