กรุงเทพฯ 6 ก.ย.-ชาวบ้านหนองไผ่ ร้องผู้ตรวจฯ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินเพชรบูรณ์สาขาหนองไผ่ และข้าราชการที่เกี่ยวข้องกรณีออกโฉนดที่ดินทับถนนสาธารณะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถสัญจรและไม่สามารถขนย้ายผลผลิตทางการเกษตรออกจากที่ดินได้ดังเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า วันนี้ (6 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ตัวแทนชาวบ้านตำบลท่าแดงและตำบลวังโบสถ์ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เข้ายื่นเรื่องร้องเรียน ซึ่งขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินเพชรบูรณ์สาขาหนองไผ่และข้าราชการที่เกี่ยวข้องกรณีการออกโฉนดที่ดินทับถนนสาธารณะของชาวบ้านให้กับเอกชน และเอกชนจะทำการปิดทางดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถสัญจร รวมทั้งไม่สามารถขนย้ายผลผลิตทางการเกษตรออกจากที่ดินได้ดังเดิม โดยมีนายดนัย จันทิม ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน เป็นผู้รับเรื่อง
ในคำร้องของชาวบ้าน ระบุว่า ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างถนนเพื่อใช้สัญจรระหว่างหมู่บ้าน โดยยอมสละที่ดินตามแนวเขตของแต่ละคน และ อบต.ยังได้ขยายเขตไฟฟ้าและนำดินลูกรังมาซ่อมแซมปรับปรุงถนนเส้นนี้ด้วย แต่ต่อมามีนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่ดินและมีการออกโฉนดทับถนนสาธารณะดังกล่าวระยะทาง 113 เมตร บริเวณปากทางเข้า โดยไม่มีการแจ้งเจ้าของที่แปลงข้างเคียง และไม่มีการเซ็นรับรองแนวเขตจากเจ้าของที่ ไม่มีการแจ้งชาวบ้านที่ใช้เส้นทางในการสัญจร แต่สำนักงานที่ดินกลับออกโฉนดให้กับบุคคลและบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ได้มาซื้อที่ดินต่อ จากนั้นได้เริ่มปลูกยางและปลูกต้นปาล์มชิดชอบถนนมากเกิน จนชาวบ้านต้องขอให้ผู้ใหญ่บ้านไปแจ้งให้ขยับต้นปาล์ม แต่ก็ไม่ยอม จนมีเหตุถึงขั้นปิดถนน ชาวบ้านได้พยายามร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าถนนที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันมาถูกออกโฉนดทับไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และเจ้าหน้าที่บอกเพียงอย่างเดียวว่าให้รวมเงินกันไปฟ้องร้องอย่างเดียว ซึ่งชาวบ้านไม่มีเงินมากขนาดนั้นและไม่อยากมีเรื่องฟ้องร้อง
ดังนั้นจึงขอให้ผู้ตรวจฯ ตรวจสอบการออกโฉนดเลขที่ 19804 เล่นที่ 199 หน้า 4 อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ออกโฉนดทับถนนสาธารณะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ การปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ดินและสำนักงานที่ดิน และการปฎิบัติหน้าที่ของข้าราชการในหน่วยงานต่าง ๆ ที่ชาวบ้านไปร้องทุกข์แล้วไม่สนใจ รวมทั้งขอให้มีการเปิดเส้นทางดังกล่าว จนกว่าจะมีความกระจ่างในเรื่องนี้.-สำนักข่าวไทย