นนทบุรี 16 ธ.ค. – พาณิชย์เผย 10 เดือนแรกปี 61 การค้าระหว่างไทยกับประเทศคู่เอฟทีเอขยายตัวต่อเนื่อง กระตุ้นผู้ส่งออก-นำเข้าใช้สิทธิ์เอฟทีเอขยายตลาดและลดต้นทุนการผลิต
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถิติการค้าระหว่างไทยกับประเทศที่มีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.) ของปี 2561 พบการค้ายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศคู่เอฟทีเอที่ไทยมีมูลค่าการค้าสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อาเซียน มีมูลค่าการค้า 95.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกหลักของไทย เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกล จีน มีมูลค่าการค้า 66.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกหลักของไทย เช่น เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และยางพารา
ญี่ปุ่น มีมูลค่าการค้า 50.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกหลักของไทย เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เม็ดพลาสติก เครื่องจักรกล และ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ ออสเตรเลีย มีมูลค่าการค้า 14.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก อาหารทะเลกระป๋อง และผลิตภัณฑ์ยาง และเกาหลี มีมูลค่าการค้า 11.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกของไทย เช่น ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องคอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น
นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการติดตามการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้เอฟทีเอในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) ปี 2561 พบว่า ไทยใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอส่งออกไปประเทศคู่ค้าเป็นมูลค่าส่งออกภายใต้สิทธิสูงสุดตามลำดับ อาเซียน มูลค่า 19.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 64.4 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิ จีน มูลค่า 13.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 90.7 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิ ออสเตรเลีย มูลค่า 7.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 97.9 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิ ญี่ปุ่น มูลค่า 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 91.1 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิ และ อินเดีย มูลค่า 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 58.3 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิ เป็นต้น ขณะเดียวกันไทยใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอนำเข้าจากประเทศคู่ค้าเป็นมูลค่าการนำเข้าภายใต้สิทธิสูงสุดตามลำดับ จีน มูลค่า 9.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 26.4 ของการนำเข้าจากจีน อาเซียน มูลค่า 6.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 20.3 ของการนำเข้าจากอาเซียน ญี่ปุ่น มูลค่า 6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 23.4 ของการนำเข้าจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มูลค่า 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 26.9 ของการนำเข้าจากเกาหลีใต้ และออสเตรเลีย มูลค่า 0.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 12.8 ของการนำเข้าจากออสเตรเลีย เป็นต้น
นางอรมน กล่าวว่า จากการประเมินพบว่าผู้ประกอบการไทยยังคงใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอกับบางประเทศน้อย โดยเฉพาะส่งออกไปอาเซียนและอินเดีย และส่วนใหญ่ผู้นำเข้าใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอ ไม่เกินร้อยละ 26 ของการนำเข้า จึงขอเชิญผู้ประกอบการเช็คข้อมูลอัตราภาษีศุลกากรระหว่างไทยกับประเทศคู่ FTA ได้ที่เว็บไซต์กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ http://ftacenter.dtn.go.th หรือศูนย์ FTA Center ชั้น 3 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หรือหมายเลข 02-507-7555 และอีเมล์ ftacenter@dtn.go.th เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีศุลกากรที่ไทยตกลงไว้กับประเทศคู่เอฟทีเอ ส่งออก-นำเข้ามากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการทำธุรกิจและขยายโอกาสทางการค้าของไทย .-สำนักข่าวไทย