เชียงใหม่ 5 ธ.ค.- ช่วงหน้าหนาวแบบนี้ ผู้คนนิยมขึ้นไปท่องเที่ยวตามยอดดอยต่างๆ ทางภาคเหนือ โดยเฉพาะ “ดอยหลวงเชียงดาว” ที่เชียงใหม่ ภูเขาหินปูนที่สูงที่สุดในไทย แม้จะต้องเดินเท้าถึง 6 ชั่วโมง แต่ยังเป็นจุดหมายของผู้ชื่นชอบธรรมชาติใฝ่ฝันอยากขึ้นไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต ปีนี้เป็นปีแรกที่ให้คนที่ขึ้นไปใช้ถุงเจลใส่ปัสสาวะและนำกลับลงมา เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อธรรมชาติ ติดตามในรายงานชุด “สัมผัสเสน่ห์ดอยหลวงเชียงดาว…สวรรค์แห่งยอดดอย” วันนี้เสนอเป็นตอนแรก
หลังรับทราบกฎระเบียบการขึ้นไปศึกษาธรรมชาติจากเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ติดต่อลูกหาบช่วยแบกสัมภาระแล้ว เรานั่งรถจากที่ทำการลัดเลาะตามไหล่เขาขึ้นไปราว 1 ชั่วโมง จนถึงหน่วยพิทักษ์ป่าเด่นหญ้าขัด จุดเริ่มเดินเท้าระยะทาง 8,500 เมตร สู่ยอดดอยหลวงเชียงดาว
เราเดินลัดเลาะตามขอบดอยขึ้นสูงไปเรื่อยๆ แม้จะเป็นดอยที่สูงเป็นอันดับ 3 แต่ดอยหลวงเชียงดาวต้องเดินเท้าขึ้นไปสูงที่สุดในไทย ตามเส้นทางเราสัมผัสได้ถึงสภาพป่าที่แปลกตา ท่ามกลางความสวยงามของภูเขาหินปูนที่สลับซับซ้อน เพราะที่นี่เมื่อราว 250 ล้านปีมาแล้ว เคยอยู่ในทะเลมาก่อน
ตามก้อนหินจะเห็นฟอสซิลหอยโบราณ ยุคเพอร์เมียน อายุหลายล้านปี หลังเปลือกโลกเคลื่อนตัวบริเวณนี้กลายเป็นเขาหินปูนที่สวยงามมากมาย อย่างดอยสามพี่น้อง ที่เหมือนยืนเรียงรายกัน หรือดอยพีระมิด ที่มียอดสูงแหลม เหนือขึ้นไปเป็นดอยช้างน้อย แต่สูงใหญ่ ใกล้ร่องหลวง ซึ่งเป็นช่องเขาขนาดใหญ่ให้ไอหมอกไหลผ่าน ผ่านไป 6 ชั่วโมง เราไต่ขึ้นไปถึงยอดสูงสุดของดอยหลวงเชียงดาวพร้อมๆ กับแสงสุดท้ายของวัน อยู่บนยอดดอยหลวงเชียงดาว ท่ามกลางไอหมอกที่เหมือนโอบกอดเราไว้ให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ไต่เขากลับลงมาที่อ่างสลุง จุดเดียวที่อนุญาตให้พักค้างแรมได้ ก่อนจะตื่นขึ้นมาเดินเท้าขึ้นกิ่วลม ชมแสงแรกบนดอยหลวงเชียงดาว ที่ส่องผ่านทะเลหมอกบางๆ ปกคลุมยอดดอย บางช่วงแสงส่องผ่านไอหมอกกระทบกันกลายเป็นหมอกสีรุ้งสวยงามเหมือนสวรรค์แห่งยอดดอย ที่เปลี่ยนความสวยงามไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน
นอกจากทัศนียภาพที่สวยงามแล้ว ดอยหลวงเชียงดาวยังเต็มไปด้วยความงดงามของพรรณไม้เฉพาะถิ่นที่มีเพียงแห่งเดียวในไทยหรือในโลก เหมือนอัญมณีแห่งผืนป่าและยังเป็นบ้านหลังใหญ่ที่สุดของกวางผาและเลียงผาในไทยด้วย.-สำนักข่าวไทย