สนช.มีมติเอกฉันท์เห็นชอบร่างพรบ.งบประมาณปี 60แล้ว

สนช.มีมติเอกฉันท์เห็นชอบร่างพรบ.งบประมาณปี 60แล้ว


47
รัฐสภา 8 ก.ย.-ที่ประชุม สนช. มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 60 วงเงิน 2.73 ล้านล้านบาท ขณะที่รัฐบาล ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้งบฯ ให้เป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ ซึ่งการใช้จ่ายงบฯจากนี้ จะเป็นแบบอย่างของรัฐบาลชุดต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 ในวาระ 2 และ 3 ทั้งสิ้น 59 มาตราโดยมีวงเงินงบประมาณ 2,733,000,000,000 บาท ( 2 ล้าน 7 แสน 3 หมื่น 3 พันล้านบาท) โดยเป็นงบประมาณขาดดุล 390,000,000,000 บาท (3 แสน 9 หมื่นล้านบาท) หลังจากกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยได้ปรับลดงบประมาณส่วนราชการต่างๆ รวมกว่า 17,980 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดสรรงบฯกลาง เพิ่มขึ้นกว่า 5,000,000,000 บาท (5 พันล้านบาท) เพื่อเป็นเงินสำรองจ่าย กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ขณะที่กระทรวงกลาโหม เพิ่มขึ้น 220 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปกป้องอธิปไตยและการรักษาความมั่นคงภายในของประเทศในความรับผิดชอบของกองทัพบก

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ชี้แจงสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ว่า งบประมาณรายจ่ายปี 2560 มุ่งเน้นการจัดทำงบประมาณให้เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี และสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 รวมทั้งตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ที่มีเป้าหมายไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยในช่วงระหว่างนี้ หน่วยงานต่างๆ ต้องเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี 2559 ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และหากหน่วยงานใด มีงบฯผูกพันต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ต้องมีมาตรการกันเงินเหลื่อมปีให้อยู่ในระยะเวลาที่เหมาะสม และหากยังไม่ก่อหนี้ผูกพัน ให้ยกเลิกโครงการและนำเงินส่งคืนคลังทันที

ทั้งนี้มีการเพิ่มงบประมาณ จำนวน 19 รายการ รวมเป็น 17,000,000,000 บาท (1หมื่น 7 พันล้านบาท) อาทิ งบกลางเพิ่มขึ้น 5,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐ สำหรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมาย และไม่สามารถปรับแผนการดำเนินงาน จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐและใช้จากแหล่งเงินอื่นได้ และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่กระทรวงกลาโหม ปรับเพิ่มขึ้น 220 ล้านบาท ในการเตรียมความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ ปกป้องอธิปไตย และการรักษาความมั่นคงภายในของประเทศในความรับผิดชอบของกองทัพบก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกสนช. ต่างอภิปรายในส่วนของการปรับลดงบประมาณของแต่ละหน่วยงานราชการ อาทิ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ นายสมชาย แสวงการ อภิปรายการปรับลดงบฯของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ถูกปรับลดงบประมาณถึง 106 ล้านบาท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการช่วยเหลือเด็กเยาวชน และการพัฒนาพื้นที่ห่างไกล การพัฒนานิคมสร้างตนเอง รวมถึงอภิปรายการปรับลดงบประมาณของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะกระทบต่อการก่อสร้างสนามกีฬาในหลายพื้นที่ ทั้งในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งจะทำให้ขาดการส่งเสริม ด้านสุขภาพ และอาจกระทบไปถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจังหวัดตากอีกด้วย

ด้านกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า การปรับลดงบของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ถูกปรับลดตามปริมาณงานที่ลดลง ซึ่งการปรับลดแต่ละหน่วยงานพิจารณาตามผลงานของส่วนราชการ หากหน่วยงานใดมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณ สามารถดำเนินการเบิกจ่ายจากงบฯกลาง แต่จะสามารถเบิกจ่ายได้เฉพาะรายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังเสร็จสิ้นการอภิปราย ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 วงเงิน 2,733,000,000,000 บาท ด้วยคะแนน 183 เสียง งดออกเสียง 2 และไม่ลงคะแนน 1 เสียง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรัฐบาล กล่าวขอบคุณคณะกรรมาธิการฯและที่ประชุม สนช. ที่เห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.งบฯ ปี 60 พร้อมระบุว่า นายกฯ ได้ชื่นชมการทำงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ทำหน้าที่พิจารณาในเวลาที่จำกัด ซึ่งการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ มีความแตกต่าง จากที่ผ่านมา คือจะนำไปใช้ ปี 60 ซึ่งเป็นช่วงเวลาปีสุดท้ายของโรดแมปตามที่รัฐบาลวางไว้ จากนั้นจะนำไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และจะมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น คือ การประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งจะมีหลายมาตราใหม่มีผลบังคับใช้ ดังนั้นการใช้จ่ายงบฯ ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและต้องใช้จ่ายในกรอบตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าการใช้จ่ายงบฯจากนี้ไป น่าจะเป็นแบบอย่างของรัฐบาลต่อไป และขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้งบฯ ให้เป็นไปตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ ตาม ที่สนช. ให้คำแนะนำและตั้งข้อสังเกต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกระทรวงที่ได้งบประมาณสูงสุด คือ
กระทรวงศึกษาธิการ 493,051,854,800 บาท กระทรวงกลาโหม 210,777,461,400 บาท กระทรวงสาธารณสุข 126,196,350,000 บาท กระทรวงมหาดไทย 73,624,831,600บาท และกระทรวงคมนาคม 63,538,688,500 บาท.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

บุกจับกำนันหญิงแหนบทองคำ ฉ้อโกง 41 ล้าน

ตำรวจพิษณุโลกเปิดปฏิบัติการ “หักขาไก่” นำ 10 หมายจับ รวบตัว “กำนันหญิงแหนบทองคำ” ประธานกองทุนหมู่บ้าน กับคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมฉ้อโกงประชาชน หลังชาวบ้าน 140 ราย แจ้งความ มูลค่าความเสียหาย 41 ล้านบาท

ชาวเมียวดีหวั่นถูกตัดไฟฟ้า เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์

ชาวบ้านเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้ามชายแดนแม่สอด จ.ตาก หวั่นไทยตัดไฟฟ้า กระทบวงกว้าง เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์-เครื่องปั่นไฟ รับมือ ด้าน PEA ชี้ตัดไฟเมียนมาอาจสูญเปล่า หากไม่พิจารณาให้ครบถ้วน

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วนักโทษหนีเรือนจำนนทบุรี จนมุมที่ จ.ชลบุรี

จับได้แล้วนักโทษชายหนีเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ระหว่างออกกองงานภายนอก จนมุมที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางแสน จ.ชลบุรี ก่อนนำตัวมาสอบสวนและดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนนทบุรี

ตัดไฟ 5 จุดชายแดนเมียนมา วันแรก กระทบชาวบ้านหลายหมื่นคน

หลังทางการไทยตัดไฟฟ้าที่เชื่อมโยงไปยังเมืองเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ส่งผลชาวบ้านแห่กักตุนน้ำมัน โรงพยาบาลเมียวดีได้รับผลกระทบในการเก็บเวชภัณฑ์ที่ต้องใช้ตู้แช่

ตร.ปัตตานีเร่งล่า 6 คนร้ายควงปืนปล้นร้านสะดวกซื้อ

อุกอาจ 6 คนร้าย พร้อมอาวุธมีด-ปืน ยกพวกปล้นร้านสะดวกซื้อใน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้เงินไป 4,492 บาท ตำรวจเร่งไล่กล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่คนร้ายใช้เป็นเส้นทางหลบหนี

นายกฯ​ ยกคณะเยือนจีน หารือความร่วมมือรอบด้าน

นายกรัฐมนตรี​ ยกคณะเยือนจีนอย่างเป็นทางการ หารือความร่วมมือรอบด้าน แก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ย้ำไทยปลอดภัย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนตลอดปี สานต่อ​รถไฟความเร็วสูง-แลนด์บริดจ์ ขณะที่เตรียมรับแพนด้ายักษ์คู่ใหม่​ และจะไปให้กำลังใจนักกีฬาไทยแข่งเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว