สุดอั้น ! รถร่วม ขสมก.ขอขึ้น 3 บาท

กรุงเทพฯ 17 พ.ย. – ผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ขสมก.ยอมรับสุดอั้น หลังมีผู้ประกอบการหลายรายเจ๊งระนาวจากต้นทุนค่าก๊าซและต้นทุนอื่น ๆ เตรียมเข้าพบรัฐมนตรีคมนาคม 19 พ.ย.นี้ ขอปรับค่าโดยสารรถร้อน 3 บาท และรถปรับอากาศระยะละ 2 บาท 


นายวิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชน (รถเมล์ร่วม ขสมก.) เปิดเผยว่า วันที่ 19 พฤศจิกายนผู้ประกอบการรถร่วมบริการ 2 สมาคม จะเข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อติดตามทวงถามข้อเรียกร้องที่ผู้ประกอบการเคยยื่นไว้ โดยเฉพาะปัญหาต้นทุนเชื้อเพลิงที่ต้องแบกรับในปัจจุบัน แม้ภาครัฐจะมีมาตรการช่วยเหลือชดเชยค่าก๊าซต่อเดือน ๆ ละไม่เกิน 35,000 บาทต่อคัน แต่พบว่าเงินชดเชยดังกล่าวรับภาระได้เพียง 20 วันต่อเดือนเท่านั้น ที่เหลือต้องซื้อก๊าซราคาตลาดกลายเป็นภาระ ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายแม้แต่รายใหญ่ ๆ ที่แบกรับต้นทุนไม่ไหวต่างต้องยกเลิกการเดินรถจำนวนมาก 

ขณะที่ผ่านมาผลการศึกษาจากองค์กรวิชาการต่าง ๆ ระบุว่าต้นทุนการเดินรถเป็นจริงและผู้ประกอบการสามารถอยู่ได้ไม่ใช่ราคาปัจจุบัน แต่ภาครัฐไม่เคยอนุญาตให้ปรับค่าโดยสาร ดังนั้น ครั้งนี้ผู้ประกอบการจะยื่นข้อเรียกร้องถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รวมทั้งจะทำสำเนาเอกสารเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาปรับค่าโดยสารในส่วนของรถร้อนและมินิบัส จากปัจจุบัน 9 บาท ขอปรับเป็น 12 บาท ขณะที่รถปรับอากาศเริ่มต้น 13 บาท ขอปรับระยะละ 2 บาท หรือเริ่มต้น 15 บาท ส่วนกรณีผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนรถใหม่ใช้เชื้อเพลิงเอ็นจีวีนั้น หลังจากนี้ผู้ประกอบการยืนยันว่าจะขอเก็บค่าโดยสารราคาที่มีผลศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) รองรับ คือ เริ่มต้น 20 บาท 


ทั้งนี้ การเข้ายื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวผู้ประกอบการรถร่วมเอกชนหวังว่าจะได้รับการพิจารณา เนื่องจากกระทรวงคมนาคมเคยรับปากจะมีมาตรการช่วยเหลือหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่ผู้ประกอบการโอนย้ายจากเคยเป็นคู่สัญญาเดินรถกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้มีการปรับเปลี่ยนมาเป็นกรมการขนส่งทางบก แต่ไม่เคยแก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการ ปัจจุบันผู้ประกอบการยังต้องชำระค่าขาตามสัญญาเดินรถให้ ขสมก. รวมทั้งมีภาระต้นทุนอื่น ๆ สูงขึ้น ทั้งค่าซ่อมบำรุง และค่าแรงพนักงาน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง