กรุงเทพฯ 15 พ.ย.- ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี ) ขยับขึ้นอีกพรุ่งนี้ 40 สต./กก. สร้างสถิติสูงสุดอีก ด้านราคาน้ำมันไม่ปรับลดลง หลัง กบง.จัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีก 50 สตางค์/ลิตร
บมจ.ปตท.ประกาศราคาปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีมีผลวันพรุ่งนี้ ( 16 พ.ย.) เวลา 00.01 น.ในอัตรา 40 สตางค์ต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายปลีกในเขต กทม.ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่นปรับขึ้นจาก 15.73 บาท/กิโลกรัม เป็น 16.13 บาท/กิโลกรัม นับเป็นสถิติสูงสุด อย่างไรก็ตาม ได้มีประชาชน ให้ความเห็นว่าเป็นราคาที่สูงมากขึ้นบ่อยครั้ง และการบำรุงรักษาเครื่องยนต์มีราคาสูงทั้งที่ในอดีตได้มีการปรับเปลี่ยน เครื่องยนต์จากน้ำมันมาเป็นก๊าซเอ็นจีวีตามนโยบายส่งเสริมของภาครัฐในอดีต และราคาก๊าซที่ขยับขึ้นนับเป็นการสวนทางราคาน้ำมันดิบที่ลดลง
โดย ปตท.ได้ชี้แจงว่าราคาก๊าซจะอ้างอิงกับราคาน้ำมันเฉลี่ยย้อนหลัง 6-12 เดือนทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติ และราคาเอ็นจีวีอาจไม่ได้ปรับไปในทางเดียวกับราคาน้ำมัน นอกจากนี้ ปริมาณก๊าซฯในประเทศในอ่าวไทยลดลง ทำให้ไทยต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) มีราคาสูงในราคามากขึ้น
ด้านที่ประชุม คณะกรรมการบริหารพลังงาน ซึ่งมีนาย ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานฯ ได้พิจารณาเรื่องการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีมติ ให้ปรับเพิ่มการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯอีก 0.50 บาทต่อลิตร สำหรับน้ำมันทุกผลิตภัณฑ์ เพื่อให้กองทุนฯมีวงเงินรองรับเพียงพอสำหรับราคาพลังงานที่อาจจะผันผวนในอนาคจ
โดยการจัดเก็บเพิ่มอีก 0.50 บาท/ลิตร ส่งผลใหอัตราเงินกองทุนน้ำมันเฉลี่ยของกลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์อยู่ที่ 1.93 บาทต่อลิตร และดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 0.70 บาทต่อลิตร ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับประมาณ 100 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือนในการสะสมเงินให้ครบ 11,000 ล้านบาท และการจัดเก็บเงินกองทุนฯที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคาน้ำมันไม่ปรับลดลงแม้ราคาตลาดโลกจะลดลง โดย ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2561 ที่ระดับราคา 84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จนถึงปัจจุบัน 66 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 18 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
“ที่ผ่านมา กบง.ได้กำกับทั้งอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ และค่าการตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 E10 ลดลง 2.80 บาทต่อลิตร มาอยู่ที่ระดับ 28.85 บาทต่อลิตรและราคาดีเซลหมุนเร็วลดลง 0.60 บาทต่อลิตร มาอยู่ที่ระดับ 29.29 บาทต่อลิตร ขณะเดียวกันได้บริหารจัดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ซึ่งได้มีการใช้ไปแล้วเมื่อตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และก๊าซ LPG ถังละ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม มาตรการดังกล่าวได้ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ไป 11,000 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี จากเดิมที่มี 34,500 ล้านบาท คงเหลือ ปัจจุบัน 23,500 ล้านบาท ซึ่งการจัดเก็บเพิ่ม 50 สต.หากเก็บได้ 4 เดือน ก็จะทำให้วงเงินกองทุนกลับไปเท่าเดิมนับว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม”รมว.พลังงานระบุ -สำนักข่าวไทย