สิงคโปร์ 14 พ.ย. –นายกฯ เสนอที่ประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลียต้องร่วมมือกันทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ ย้ำสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง มีความยั่งยืนในทุกมิติ
“จิตตานันท์ นิกรยานนท์” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ที่สาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน รายงานว่า นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลียอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างอาหารเช้า ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการซันเทค สิงคโปร์ เวลา 08.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงว่า ตลอด 44 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและออสเตรเลีย แสดงให้เห็นว่าออสเตรเลียเป็นหุ้นส่วนที่เข้าใจและมีผลประโยชน์ร่วมกัน อาเซียนและออสเตรเลียต้องร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อนำสู่ดุลยภาพใหม่ทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาค ซึ่งจะเสริมสร้างความมั่นคงและความมั่งคั่ง เพื่อประโยชน์อย่างยั่งยืนของประชาชนทั้งสองฝ่าย
นายกรัฐมนตรี ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า อาเซียนและออสเตรเลียควรมีความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านความมั่นคง ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง การเสริมสร้างระบบการบริหารจัดการชายแดนในอาเซียนและภูมิภาค การเป็นเจ้าภาพร่วมกับออสเตรเลียในการจัดประชุมเพื่อส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรของประเทศสมาชิกอาเซียนในการปฏิบัติตามอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ASEAN Convention Against Trafficking in Persons, Especially Women and Children: ACTIP) ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศไทยในปี 2562 และการสนับสนุนอาเซียนด้านระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยเฉพาะคลังสิ่งของสำรองจ่ายเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอาเซียน แห่งที่ 2 ซึ่งไทยมีแผนจะเปิดอย่างเป็นทางการในปี 2562
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจ ต้องสนับสนุนให้การประชุมผู้นำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(RCEP) บรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว การสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งจะสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเติบโตของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ MSMEs ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
“ในฐานะที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ไทยจะมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการสร้างประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และมุ่งหน้าสู่อนาคตด้วยความยั่งยืนในทุกมิติ” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย