ทำเนียบฯ 13 พ.ย. – รัฐบาลงัด 3 มาตรการดูแลปาล์มน้ำมัน ขยายเวลาส่งออกเพิ่มอีก 6 เดือน หนุนรถบรรทุกใช้ไบโอดีเซลเพิ่ม 6 ล้านตัน ดัน กฟผ.ใช้น้ำมันปาล์มผลิตไฟฟ้า คาดราคาขยับเพิ่มเป็น 3.10 บาทต่อกิโลกรัม สั่ง 7 วัน เสนอมาตรการแก้ปัญหายางพารา
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบแนวทางแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน ประกอบด้วย 1. การปรับสตอกปาล์มน้ำมัน สำหรับการส่งออก 300,000 ตัน จึงได้ประสานให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำไปผลิตไฟฟ้า 160,000 ตัน ที่เหลือเตรียมนำปาล์ม 80,000 ตันผลิตไบโอดีเซล และเจรจาส่งออกไปเสปน จากสตอกเพื่อความมั่นคงปัจจุบัน 450,000 ตัน 2.การขยายเวลาการส่งออกปาล์มน้ำมัน จากเดิมกำหนดส่งออกเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2561 ให้ขยายออกไปถึงเดือนพฤษภาคม 2562 และ 3.เพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์มผสมกับดีเซล เพื่อผลิตไบโอดีเซล จากร้อยละ 6.5-7 เพิ่มเป็นร้อยละ 6.8-7 นอกจากนี้ ยังต้องการส่งเสริมให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ใช้น้ำมันไบโอดีเซล B20 กำหนดเป้าหมาย 10 ล้านลิตร แต่ปัจจุบันใช้จริงเพียง 4 ล้านลิตร ยังเหลืออีก 6 ล้านลิตร จึงต้องการส่งเสริมรถบรรทุกใช้ไบโอดีเซลทั้ง B20 และ B7 เพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังตั้งคณะอนุกรรมการแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันเพิ่ม โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน เพื่อเร่งเจรจาการส่งออกปาล์มน้ำมันไปยุโรปให้ได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือน คาดว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้ราคาปาล์มขยับเพิ่มจาก 2.60 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 3.10 บาทต่อกิโลกรัม หลังจากดูดซับปาล์มออกจากตลาดได้มากขึ้น รวมทั้ง ครม.ยังสั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งเสนอมาตรการแก้ปัญหายางพาราครอบคลุมทุกด้านภายใน 7 วัน ทั้งการประกันราคาน้ำยางสด ส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ยาง เช่น ที่นอน ผลิตภัณฑ์จากยางพารา การใช้สร้างถนน สนามกีฬา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวสวนยาง เพราะราคาตลาดโลกปรับลดลงจนส่งผลต่อราคายางในประเทศ ยืนยันว่าไม่ได้หวังเสียงทางการเมืองที่ออกมาช่วยเหลือช่วงนี้ แต่ราคายางพาราปรับลดลงจนน่าห่วง จึงหาแนวทางช่วยเหลือ .-สำนักข่าวไทย