เรียกร้อง อภ.-กพย.ฟ้อง รับยื่นคำขอสิทธิบัตรกัญชา

สธ.12 พ.ย.-แพทย์จุฬาฯ เรียกร้องให้ อภ.และกพย.ฟ้องกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรณีรับจดสิทธิบัตรกัญชาจากต่างชาติ ชี้กัญชายังเป็นยาเสพติดยังไม่แก้กฎหมาย ควรถือเป็นโฆษะ ขณะที่ อภ.กังวล เกรงไม่สามารถเดินหน้าวิจัยศึกษากัญชาต่อได้ 


นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเด็นสิทธิบัตรกัญชา ว่า ควรทำเรื่องนี้ ให้ชัดเจนในเรื่องนี้เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย เนื่องจากการรับยื่นคำขอสิทธิบัตรกัญชา เมื่อพิจารณาแล้วมีความผิดชัดเจนตั้งแต่มาตรา 9(1)ห้ามยื่นสิทธิบัตรสารธรรมชาติในกัญชาและมาตรา 9(4) ห้ามยื่นสิทธิบัตร ที่เป็นการถือสิทธิในการใช้บำบัดโรคแต่กรมทรัพย์สินทางปัญญากลับฝ่าฝืนตรงนี้ ดังนั้น คณะกรรมการปฏิรูปฯ เห็นว่า ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาต้องมีความชัดเจนกว่านี้และจากการที่ได้เห็นคำชี้แจงของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่ระบุว่าไม่สามารถปฏิเสธการรับคำขอสิทธิบัตรได้ ซึ่งในความจริงทำไมจะปฎิเสธไม่ได้เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติดผิดกฎหมายในประเทศไทยอยู่ ตราบใดที่ยังไม่ได้แก้ พ.ร.บ.ยาเสพติด 2.พ.ร.บ.สิทธิบัตร ม.9(1) ระบุว่า “สารสกัดจากพืชรับจดสิทธิบัตรไม่ได้” การรับจดจึงผิดกฎหมายนี้ด้วย และ 3.เมื่อกรมฯ ไปรับการยื่นขอจดสิทธิบัตรเอาไว้แล้วจะมีทางออกอย่างไร แนะนำให้ใช้อำนาจอธิบดียกเลิกในขั้นตอนขอจดทะเบียนไปก่อน เพราะผิดตั้งแต่ต้น ก็ต้องเป็นโมฆะตั้งแต่ต้นแล้ว


นพ.ธีระวัฒน์  ยังกล่าวว่า ถ้าหากเรื่องนี้ถ้าเรื่องนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุป แนะนำ องค์การเภสัชกรรม(อภ.) และ กพย. (ศูนย์วิชาการและเฝ้าระวังระบบยา) ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคล ควรยื่นฟ้องศาลเพื่อขอความเป็นธรรมเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นก็จะทำการศึกษาหรือสกัดสารกัญชาทางการแพทย์ไม่ได้ เพราะติดสิทธิบัตร และหากพิจารณากฎหมายพ.ร.บ.สิทธิบัตรฯ จะทราบทันทีว่า มาตรา 36 ระบุว่าทันที่ที่ได้มีการยื่นและรับเรื่องการขอจดสิทธิบัตร ถือได้รับการคุ้มครองแล้ว แม้จะยังไม่ได้รับเลขสิทธิบัตร ดังนั้น ในระยะเวลา 5 ปีที่เป็นช่วงการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีความใหม่หรือไม่นั้น แต่ช่วงระยะเวลานี้ก็ถือว่าได้รับการคุ้มครองไปแล้ว ซึ่งก็ไม่มีประโยชน์


ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ประธานบอร์ดองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ขณะนี้มอบให้ทางฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะจากถ้อยคำแถลงของกรมทรัพย์สินทางปัญญาออกมาก็ยังไม่มั่นใจว่าจะส่งผลกระทบหรือไม่อยู่ดี อย่างตอนนี้บอร์ด อภ.อนุมัติงบไปแล้ว 120 ล้านบาท แม้งบฯ จะยังไม่ได้ใช้แต่ตามขั้นตอน ผอ.องค์การเภสัชกรรม(อภ.) จะต้องไปแจงต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  เกี่ยวกับการใช้งบดังกล่าว เพราะมีการเปลี่ยนแปลงใช้งบ เดิมเป็นงบผลิตยาทั่วไป แต่เปลี่ยนมาใช้ในเรื่องโรงงานสกัดสารกัญชาทางการแพทย์ 

ส่วนเครื่องสกัดสารกัญชาที่จะนำเข้าจากต่างประเทศนั้นใช้งบฯ8ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำทีโออาร์ ซึ่งหากซื้อเข้ามาแล้วใช้ไม่ได้ ก็คงต้องนำมาใช้สกัดอย่างอื่น ซึ่งทำได้ แต่ไม่ดีเท่าสกัดสารกัญชา .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง